กำหนดการงานเลี้ยงผู้เกษียณฯ







กำหนดการงานเลี้ยงสมาชิกเกษียณฯ

"เกษียณหรรษา สภฟ. และ สอฟ. ปี 2555"






ขอให้เพื่อนๆพักผ่อนอย่างมีความสุขทุกท่านนะครับ
โอกาสที่จะพบปะพร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้คงจะหายากแล้ว

^^^^^^^^




ขอขอบคุณสำหรับหนังสือเชิญเข้าร่วมงาน

จากคุณประจวบ คงเป็นสุข
ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง





*************

เพื่อนใหม่



"เพื่อนใหม่"





          เมื่อผมเกษียณ(ก่อนกำหนด)มาใหม่ๆ ก็ได้หาซื้อหนังสือคำแนะนำการใช้ชีวิตหลังเกษียณมาหลายเล่ม มีทั้งการทำงานพิเศษหรืองานอดิเรกหลังเกษียณ การบริหารทางการเงิน การรักษาสุขภาพผู้สูงอายุ ฯลฯ รวมทั้งหนังสือเล่มนี้คือ "แสนสุข หลังเกษียณ" ซึ่งมีหัวข้อแนะนำการใช้ชีวิตหลังเกษียณที่เป็นแง่คิดที่เป็นประโยชน์เป็นจำนวนมาก

        ในคำแนะนำต่างๆเหล่านั้น มีอยู่ข้อหนึ่งแนะนำว่า..."อย่าอยู่อย่างเดียวดาย...ไม่มีอะไรเศร้ามากกว่าการใช้ชีวิตอยู่อย่างเดียวดาย อย่างน้อยที่สุดก็ควรมีเพื่อนสักคนหนึ่งเพื่อจะได้พูดคุยกัน และก็ควรสร้างเพื่อนใหม่ให้เพิ่มขึ้น"

        "เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่เมื่อคุณเกษียณอายุแล้วต้องอยู่อย่างเดียวดาย คุณอาจรู้สึกว่าคุณยังมีเพื่อนอยู่เป็นจำนวนมาก  และยังมีชีวิตทางสังคมเช่นเดิม แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป"

        สองประโยคข้างบนคือคำแนะนำของหนังสือเล่มนี้ และก็ไม่ได้แนะนำว่าทำไมถึงต้องหาเพื่อนใหม่ ก็ในเมื่อเราก็ยังมีเพื่อนอีกเยอะแยะ

        แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆเข้าสักพัก เราจึงเห็นว่าคำแนะนำในหนังสือเล่มนี้ถูกต้องแล้วละครับ เพราะอะไรน่ะหรือ

        ก็เพราะเพื่อนที่เรามีอยู่ มีทั้งเพื่อนต่างวัยและเพื่อนที่อยู่ในวัยเดียวกัน ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนร่วมงาน เมื่อเรายังทำงานอยู่ โอกาสที่จะพบปะพูดคุยกันก็มีมาก เพราะเจอกันทุกวัน พอเราเกษียณหรือเพื่อนเราเกษียณ โอกาสที่จะเจอะเจอกันก็น้อยลง เพื่อนต่างวัยที่เป็นรุ่นน้อง เค้าก็ติดภาระหน้าที่การงานที่จะต้องดำเนินต่อไปเพื่อความก้าวหน้า โอกาสที่จะพบปะพูดคุยกันก็น้อยลงทุกที ส่วนเพื่อนที่อยู่ในวัยเดียวกันก็ปรับสภาพชีวิตประจำวันไปตามถนัดของแต่ละคน บางคนมีที่ดิน ก็ไปปลูกต้นไม้ใบหญ้า บางคนมีร้านค้าเล็กๆน้อยๆก็จะอยู่ช่วยดูแลไป บางคนมีหลานก็จะมีเวลาว่างช่วยดูแล ช่วยพาไปส่งโรงเรียน บางคนชอบเลี้ยงนกเลี้ยงปลา ก็จะถือโอกาสนี้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเหล่านี้เป็นต้น

        ดังนั้นเพื่อนๆที่เรามีอยู่จึงห่างเหินไปด้วยประการฉะนี้แล

        ความเดียวดายจึงเข้ามาเยือนเรา ตามที่หนังสือเล่มนี้ว่าไว้และแนะนำให้เราหาเพื่อนใหม่ ผมจึงเริ่มเข้าใจ

        เพื่อนใหม่ที่ว่านี้ ก็คงไม่ต้องเป็นเพื่อนที่ลึกซึ้งอะไร อาจจะคบกันแบบเผินๆ เพียงเพื่อจะทักทายกันบางเวลา เช่นเพื่อนที่สวนสาธารณะที่เราไปออกกำลังกาย เพื่อนที่ร้านหนังสือ เพื่อนที่ชอบงานอดิเรกเหมือนๆกัน หรือเพื่อนบ้านที่สมัยยังทำงานอยู่ไม่เคยได้เห็นหน้ากันเลย ก็อาจจะมาเห็นกันตอนเกษียณนี่แหละ ด้วยเหตุนี้ในต่างประเทศเขาจึงจัดให้มีม้านั่งตามสวนสาธารณ ที่สาธารณะ ตามห้าง เพื่อให้คนแก่ไปนั่ง คอยเซเฮลโหล หรือมอนิ่งๆกับผู้คนที่เดินผ่านไปมา(แต่ห้างไทยงกม้านั่ง ไม่คอยจะมี หรือมีก็จะมียามหรือแม่บ้านมานั่งเสียเอง)

        เกษียณปีนี้ ผมก็ขอแนะนำน้องใหม่ตามนี้ก็แล้วกัน ใครจะถนัดอย่างไรก็ลองดู สำหรับผมที่ดินไม่มีที่จะไปปลูกต้นไม้ใบหญ้ากะเขา ธุรกิจอะไรก็ไม่มี งานพิเศษไม่มี มีหลานอยู่คนเดียวก็อยู่ต่างประเทศ ปีหนึ่งก็มาเยี่ยมกันครั้งนึง งานถนัดของผมก็คืออ่านหนังสือ เมื่ออ่านมากๆก็เก็บไว้ไม่ไหวก็ต้องเอามาเขียน เขียนดีก็ดีไป เขียนไม่ถูกใจใครบางคนก็ถูกด่า บางที่การมีเพื่อนเยอะๆมันก็ไม่ใช่จะดีนัก ถ้ามีทางเชิงปริมาณ ไม่ใช่เชิงคุณภาพ มาถึงวันนี้ก็ชักไม่อยากจะมีเพื่อนเยอะๆแล้ว เพราะสมัยนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเพื่อนเป็นมนุษย์ก็ได้ คุยกับคอมพิวเตอร์ คุยกับเฟซบุ๊ค คุยฝ่ายเดียวสบายใจ ใครเขียนอะไรที่เราไม่ชอบก็ไม่ต้องไปอ่านมัน  วันๆก็ทักทายเพื่อนใหม่เท่าที่มีโอกาสพบกันตามมารยาทตามสถานที่ที่เราไป บางทีการอยู่อย่างเดียวดายห่างจากเพื่อนที่เป็นมนุษย์เสียบ้างอาจจะมีความสุขกว่าก็ได้ นี่พูดถึงผู้เกษียณแล้วนะ คนที่ยังทำงานอยู่คงทำอย่างนี้ไมได้

         เคยมีคำพูดที่ว่า " มีเพื่อนร้อยคนก็น้อยไป มีศัตรูคนเดียวก็มากไป" ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนเป็น "มีเพื่อนที่รู้ใจสักคนได้ไหม และขออย่าได้มีศัตรูเลย"

        บางทีเราอาจไม่รู้ว่าเพื่อนที่รู้ใจเราจริงๆแล้ว นอนอยู่ข้างๆเรามาตลอด แต่เราอาจละเลยมองไม่เห็น เปรียบเหมือนคำพูดที่ว่า "ใกล้เกลือ กินด่าง" กว่าจะเห็นคุณค่าของเกลือก็หง่อมพอดี ดีนะที่เป็น "เกลือ" เลยไม่เน่า...


สุดท้ายมีรูปมาฝาก




ขอขอบคุณเจ้าของภาพนี้ด้วยครับ (ไม่ทราบชื่อ)








**************
เรียนเพื่อนๆผู้เกษียณ
เนื่องจากผมได้รับการติดต่อจากท่านที่เข้ามาโพสท์หาเพื่อน และได้ให้ที่ติดต่อไว้ มีความประสงค์จะลบข้อความดังกล่าว แต่ไม่สามารถลบด้วยตนเองได้ จึงได้ติดต่อมาที่ผมเพื่อให้ผมช่วยลบให้ ที่ผ่านมาก็มีอยู่หลายราย ผมจึงคิดว่า เมื่อเวลาผ่านไป บางท่านอาจจะไม่มีความประสงค์ดังกล่าวแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนจากผู้ติดต่อ ผมจึงคิดว่าผมจะขออนุญาตลบข้อความที่โพสท์ก่อนปี 2562 ที่ระบุที่ติดต่อไว้ออกให้หมด ยกเว้นโพสท์ที่แสดงเฉพาะความคิดเห็นที่ยังคงอยู่ และต่อไปนี้ผมก็จะไล่ลบไปเรื่อยจนถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2562 หลังจากวันนี้แล้วท่านที่มีความประสงค์ที่จะโพสท์ที่ติดต่อของท่าน ขอโปรดได้ใช้วิจารณาญาญของท่านให้ดี เพราะการให้ชื่อให้ที่ติดต่อของท่านในที่สาธาณะ อาจจะมีผู้ไม่ประสงค์ดี ทำให้ท่านเดือดร้อนรำคาญได้  สำหรับท่านที่ถูกผมลบข้อความไป หากยังมีความประสงค์จะคงชื่อไว้ ขอให้ท่านโพสท์ใหม่หลังจากวันที่ 10 ตุลาคนนี้
.
สำหรับท่านที่ต้องการแสดงความคิดเห็นใดๆ ก็สามารถกระทำได้เหมือนเดิม  
.
ผมคงจะต้องเขึยนเรื่อง "เพื่อน" อีกครั้ง หลังจากที่ได้อ่านทรรศนะต่างๆของเพื่อนที่นี่แล้ว
.
ขอให้ทุกท่านโชคดี สุขภาพแข็งแรงนะครับ...
7 ตุลาคม 2562

*********
ท่านที่ต้องการลบเบอร์โทรศัพท์ที่ท่านโพสท์ไว้เพื่อการติดต่อ
แล้วลบเองไม่ได้ โปรดแจ้งรายละเอียดไปทีอีเมล์ bhisdarl@gmail.com
(แจ้งวันที่โพสท์ - หมายเลขโทรศัพท์ - ชื่อผู้แจ้ง )
และโปรดแจ้งโพสท์ที่ไม่สุภาพ เจตนาในทางไม่ดี

******

เรียนท่านที่ต้องการมีเพื่อนโดยการให้ข้อมูลในการคติดต่อ หากท่านไม่แน่ใจ ท่านยังไม่ควรให้เบอร์โทรฯไว้ เพราะการให้เบอร์โทรฯ ถ้าเจอคนไม่สุภาพ ท่านอาจถูกรบกวนโดยหลีกเลี่ยงได้ยาก  ท่านควรติดต่อโดยวิธีอื่นก่อน หากมั่นใจที่จะคบกันแล้วค่อยให้เบอร์ภายหลัง  หากมีคำแนะนำใดๆ เชิญพูดคุยกันได้ครับ


********



ยินดีต้อนรับผู้เกษียณ ปี 2555





          เมื่อเยาว์วัย เราอยากจะโตเร็วๆ เพื่อจะได้เที่ยวเล่น ทำอะไรได้เป็นอิสระมากขึ้น แต่ดูเวลามันช่างเชื่องช้าเสียจริงๆ กว่าจะผ่านไปแต่ละปี คอยดูกระจกดูความเปลี่ยนแปลงของหน้าตาอยู่ตลอดเวลาว่าใกล้จะเป็นผู้ใหญ่กับเขาหรือยัง

        แต่เมื่อผ่านวัยกลางคนไปแล้ว เวลามันดูเหมือนจะผ่านไปด้วยความรวดเร็วเสียเหลือเกิน บางคนเริ่มต้นด้วยการมีผมหงอกแซมมาให้เห็นเพียงเส้นสองเส้น เผลอเดี๋ยวเดียว ไม่กีปี มันก็จะเพิ่มขึ้นด้วยความรวดเร็ว บางคนผมเคยดกดำ มันก็จะค่อยบางเบาร่วงหล่นลงทุกวันๆ  สายตาที่เคยแจ่มใสชัดเจน ตอนนี้เวลาอ่านหนังสือพิมพ์ก็จะต้องเหยียดแขนที่ถือหนังสือห่างไกลตัวออกไปทุกที....

        ช่วงนี้แหละที่เวลาดูเหมือนมันจะวิ่งผ่านไปด้วยความรวดเร็ว ส่องกระจกดูสภาพตัวเองทีไร  รู้สึกว่าจะพบกับความเปลี่ยนแปลงทุกครั้งไป  ไม่เหมือนเมื่อตอนวัยเด็ก วัยรุ่น ส่องกระจกทีไรก็เห็นแต่ความเติบโต เห็นแต่ความเต่งตึง เด็กผู้ขายก็เริ่มมีหนวดมีเครามีกล้ามเนื้อมีฃิกแพ็ก เด็กผู้หญิงก็เริ่มมีอกมีเอวมีโค้งมีเว้าตามสรีระของผู้หญิง.....เมื่อเราส่องกระจกตอนนี้ หนวดเคราที่เคยเขียวครึ้ม ตอนนี้มันจะหรอมแหรม มีหงอกบ้างมากน้อยแตกต่างกันไป เอวที่เคยมีไว้รัดเข็มขัดก็ไม่รู้หายไปไหน ไอ้ซิกแพ็คที่เคยมี มันเปลี่ยนเป็นฃิกอินวัน คือมันไปรวมกันเหลือแพ็คเดียวโดดๆฃะนี่ ตามอย่างที่โฆษณาสินค้าเดี๋ยวนี้เลย แถมเป็นแพ็คใหญ่(ที่ไม่พึงประสงค์)เสียด้วย

        นี่แหละครับเขาเรียกว่าสังขาร   กาลเวลามันเดินไป ร่างกายเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

        เผลอแพลบเดี๋ยวก็จะถึงเดือนกันยาฯอีกแล้ว เดือนที่ผู้ที่มีอายุหกสิบปี หรือเกินกว่านั้นไม่เกินหนึ่งปี จะได้รับการพักผ่อนตามระเบียบกฎเกณฑ์ที่วางไว้ ก็ถือว่าเป็นการยุติบทบาทในหน้าที่การงานที่แต่ละคนรับผิดชอบอยู่
ต่อไปนี้ใครมีงานอดิเรกอะไรหรือมีอาชีพส่วนตัวอะไร ก็รับผิดชอบไปตามนั้น ชีวิตประจำวันก็จะต้องจัดการกันใหม่ วันๆจะทำอะไรบ้าง ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน

        สิ่งสำคัญที่ผู้เกษียณจะต้องคำนึงถึงต่อไปนี้ก็คือ สุขภาพกับเงินที่จะต้องใช้เลี้ยงชีพยามเราไม่มีรายได้แล้ว ถ้าสุขภาพดีและมีเงินที่จะใช้ยังชีพไปตลอดชีวิต แค่นี้ก็เป็นหลักประกันว่าเราสามารถอยู่อย่างไม่ลำบากทุกข์ร้อนนัก ถ้ามีมากหน่อยก็สะดวกสบายหน่อยกินดีอยู่ดีหน่อย ถ้ามีน้อยก็ระมัดระวังใช้จ่ายอย่างประหยัดหน่อย คิดว่าก็คงอยู่ได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ  ในภาวะเศรษฐกิจเช่นปัจจุบันนี้ ค่าของเงินมันมีความเสี่ยงในการลดค่าลงตามภาวะเงินเฟื้อสูงมาก นโยบายประชานิยมก็มีส่วนทำให้เงินเฟื้อสูงขึ้นเรื่อยๆ(เงินออกมาสู่ตลาดมากขึ้น ค่าของเงินก็จะตกลง) เงินพันบาทในวันนี้ อีกสิบปีข้างหน้าจะเหลือเท่าไหร่ก็ไม่รู้ อัตราดอกเบี้ยที่เรารับจากสหกรณ์ฯก็เพียงแต่ประคองให้สูสีกับอัตราเงินเฟื้อเท่านั้น ดังนั้นดอกเบี้ยที่เรารับมาก็เพียงช่วยประคองไม่ให้เงินของเราลดค่าถดถอยไปกว่าเดิมเท่านั้น

        ก็ขอแสดงความยินดีกับเพื่อนๆน้องๆที่จะได้หยุดพักกายใจกันเสียทีในปีนี้ ได้ปลดปล่อยภาระที่ผ่านมา ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดี แข็งแรง มีเงินใช้ไร้โรคาทุกท่านครับ ท่านที่กำลังเดินสายรับเลี้ยงอำลาอาลัยกัน ก็ระมัดระวังสุขภาพหน่อยนะครับ หลังจากนี้ไปเจ็บป่วยขึ้นมา ไฟฟ้าไม่จ่ายให้แล้วนะครับ

        ลากันวันนี้ด้วยภาพที่นำมาจากเฟฃบุค ลองอ่านดูครับ....
        ผมว่าข้อแรกไม่ค่อยน่ากลัวหรอกครับ  อย่างน้อยลูกหลานก็ยังได้รับไป  ข้อหลังนี่สิ ขออย่าได้เจอเลย จะโดนลูกหลานไล่ส่งซ้ำซะอีกน่ะซี












^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

ท่านที่ใช้เฟซบุค ไปแอดกันได้นะครับที่ สองวัย ใจตรงกัน

หรือคลิ๊กที่คำว่า ชุมชน คนเกษียณ บนสุดซ้ายมือของหน้าที่ท่านอ่านอยู่นี่ได้เลยครับ

*********