น้ำมาแว้ววว...




น้ำมาแว้ววว...





          "ท่านเจ้าพระยา" ในฐานะที่ท่านเป็นทรากเดนแห่งอำมาตย์ ปีนี้พวกข้าจะต้องลงโทษท่านให้หนักกว่าปีที่แล้ว ข้าจะบังคับให้น้ำทุกสายที่มุ่งไหลลงสู่อ่าวไทยโหมกระหน่ำมุ่งตรงมาสู่ท่าน ทะลุทะลวงท้องน้ำของท่านให้เจิ่งนองท่วมท้นแผ่กระจายไปสู่ถิ่นทำเลสองข้างริมฝั่งน้ำเจ้าพระยาของท่าน บ้านเรือนสองฟากฝั่งที่ท่านเคยดูแลคุ้มครองให้ชีวิตให้ความชุ่มฉ่ำ เป็นถิ่นที่ทำมาหากิน และเป็นเส้นเลือดในการพาณิชย์มาตั้งแต่สมัยโบราณจะต้องถึงเวลาสิ้นสุดลง ข้าจะไม่ยินยอมให้แม่น้ำสายใดๆ ที่เปรียบเสมือนเป็น "ไพร่" เช่นเดียวกับพวกข้า คือไม่ได้รับการแต่งตั้งยศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆเช่นเดียวกับท่าน ถึงแม้ว่าพวกข้าก็อยากได้ใจแทบขาด มาแบ่งเบาภาระช่วยท่านเป็นอันขาด  ดูอย่างไอ้ "ฮวยเซ็ง" มันซิ เดี๋ยวนี้มันเป็น "สมเด็จ" ไปแล้ว ท่านยังเป็นแค่เจ้าพระยา เพราะท่านเลือกข้างผิดนั่นเอง  ส่วนไอ้ "ฮวยเซ็ง" มันเป็นถึงสมเด็จเจ้าพระยา ทั้งๆที่อายุงานและอาวุโสมันน้อยกว่าท่านตั้งมากมาย

         ข้าราษฎรทั้งหลายบริเวณริมฝั่งเจ้าพระยาทั้งซ้ายและขวาเตรียมตัวรับภัยพิบัติอันเกิดจากอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ อันเนื่องมาจากข้าราษฎรเหล่านี้ทำตัวฝักใฝ่อยู่ใกล้ชิดอำมาตย์ ทำตัวเกาะกี่ยวแนบชิดอยู่กับ"เจ้าพระยา"  โดยเฉพาะพวกชาว "กรุงเทพเมืองฟ้าอมร" ที่ทำตัวเป็นเทวดาอยู่กันอย่างมีความสุขสำราญ มันบาดใจพวกข้าเหลือเกิน และยังมีเทวดาปกป้องคุ้มครองบ้านเมืองมาจากคนที่ข้าไม่ชอบขี้หน้ามันเสียอีก  ข้าจะต้องทำให้มันรู้สึก  คนที่ควรจะมีความสุขควรจะเหมาะสมแต่เพียงพวกข้าเท่านั้น ดังนั้น ข้าจะต้องเปลี่ยนจากเมืองกรุงเทพ "เมืองเทวดา" ให้กลายเป็นเมืองบาดาลในเร็ววันนี้ หลังจากที่พวกมันด่าข้า หาว่าข้าเผาบ้านเผาเมือง มันร้อนกันนัก ต่อไปนี้พวกข้าจะเอาน้ำมาให้ มันจะได้เย็น(ตีน)กันถ้วนหน้า

         สำหรับพวกพ้องของข้าที่ไปซื้อที่ดินน้ำท่วมกักตุนไว้ในราคาถูกๆ ทั้งๆที่เดิมเขากันไว้เป็นแก้มลิง เอาไปขายแพงๆให้สร้างโรงงานอุตสาหกรรมจนร่ำรวยไปตามๆกันนั้น  ท่านไม่ต้องกังวลใดๆทั้งสิ้น เพราะข้าจะปกป้อง ป้องกันไม่ให้อุทกภัยครั้งนี้ไปเยือนถิ่นของพวกท่านโดยเด็ดขาด ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า สะใจไหมพวก

          นี่แหละ เห็นไหม การเลือกข้างมันดีอย่างนี้แหละ แต่สำคัญว่าเลือกให้ถูกข้างก็แล้วกัน..จริงไหมพี่แจ๊ส...ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า... 

          ไปก่อนหละ.....บ๊าย..บาย...

*****









มาแล้วจ้า

อาสาสมัครช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน
จากการถูกน้ำท่วมจ้า เรียกได้ทุกสีไม่มีเกี่ยง

(เรื่องคนกัดกัน หมาไม่เกี่ยว ขอทำงานก่อนค่ะ เอ๊ย ครับ)



******









พี่..ช่วยไปส่งหนูที่ประตูน้ำหน่อย

เสื้อผ้าหนูถูกน้ำท่วมซัดหายไปหมดแล้ว

อย่างงี้จะมีใครมาเยียวยาให้หนูมั๊ยเนี่ย

*****

ขอขอบคุณเจ้าของภาพจากอินเตอร์เน็ต



^^^^^^^^^^^^^^

เหนื่อยนัก พักเสียบ้าง


ชีวิตที่เหนื่อยนัก

พักเสียบ้างดีไหม?




       
         เหลืออีกไม่กี่วันแล้วนะครับ บรรดาเพื่อนๆทั้งหลายก็ถึงเวลาที่จะได้รับการพักผ่อน หลังจากที่ได้ทำงานเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัวมาอย่างเหน็ดเหนื่อยตั้งแต่หนุ่มแต่สาวจนมาถึงที่สุดแห่งชีวิตการต่อสู้กับหน้าที่การงาน การแข่งขันเพื่อความก้าวหน้า ในแต่ละปีที่ผ่านมา  ต่อไปนี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วว่าปีนี้จะได้กี่ขั้น ปีนี้จะได้เลื่อนตำแหน่งไหม   ตอนนี้ท่านอาจจะกังวลว่าวันนี้เราจะทำอะไรดี...

          คงสนุกสนานกันพอสมควรนะครับกับงานเลี้ยงที่สหภาพและสหกรณ์จัดเลี้ยงให้ผู้เกษียณ ได้ข่าวว่ามีของขวัญไปแจกมากมายเลยใช่ไหมครับ ต่อไปนี้โอกาสที่จะพบปะกันพร้อมหน้าพร้อมตาคนเยอะๆอย่างนี้คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว นอกจากโอกาสที่สหกรณ์เขาจะจัดสันทนาการให้แก่ผู้เกษียณในแต่ละปี ปีละครั้ง ใครอยากไปก็คอยติดตามข่าวคราวและระเบียบกฎเกณฑ์ของสหกรณ์เอานะครับ  ผู้เกษียณในยุคหลังๆนี่ค่อนข้างดีนะครับ มีการพาไปต่างประเทศ มีงานเลี้ยงที่ กฟน.จัดให้ มีแจกของที่ระลึก ผู้เกษียณสมัยก่อนๆ มักจะมีแค่เพื่อนฝูงที่สนิทกันหรือเพื่อนร่วมงานเท่านั้นที่จัดเลี้ยงให้  ยิ่งสำหรับผมเออรี่ออกมาอย่างกระทันหัน คือผู้ว่าฯท่านใจดี คือท่านไปอนุมัติให้เออรี่เอาวันสุดท้าย อนุมัติวันนี้ พรุ่งนี้ก็หมดสภาพการเป็นพนักงานทันที ผมเลยไม่มีโอกาสได้รับบริการต่างๆเช่นผู้เกษียณคนอื่นๆรวมทั้งบริการทางการแพทย์ เพราะผมไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้เกษียณ พออนุมัติก็หมดสิทธิ์ใช้บริการทันที ทั้งต่อมาเมื่ออายุครบหกสิบก็ไม่ได้ไปงานเลี้ยงของทั้งสหกรณ์และสหภาพ ซึ่งเมื่อเราออกมาแล้วบางทีข่าวสารต่างๆก็รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง

        โอกาสที่จะพบปะเพื่อนฝูง หรือทราบข่าวคราวสำหรับผู้เกษียณอีกทางหนึ่งก็คือ ทางชมรมที่ตั้งขึ้นมาสำหรับเป็นสื่อกลางสำหรับผู้เกษียณซึ่งใน กฟน.ของเรามีอยู่ 2 ชมรม คือ ชมรมพนักงานเกษียณอายุสโมสรการไฟฟ้านครหลวง ชกฟน. ชมรมนี้กรรมการส่วนใหญ่จะเป็นอดีตผู้บริหาร กฟน. สถานที่ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในบริเวณโรงพยาบาล กฟน.สามเสน  อีกชมรมหนึ่งคือ ชมรมสมาชิกผู้เกษียณอายุสหกรณ์ออมทรัพย์สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง ชสอฟ. ชมรมนี้อยู่ในความอุปถัมภ์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ สอฟ. กรรมการส่วนใหญ่มาจากอดีตกรรมการสหภาพและสหกรณ์ สถานที่พบปะอยู่บริเวณด้านหลังสหกรณ์ หรือนัดพบกันบริเวณใกล้เคียงนั่นแหละ เพราะยังไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นฐาน

         ท่านผู้เกษียณหลายท่านคงสมัครเป็นสมาชิกทั้งสองชมรมกันไปบ้างแล้ว  ทั้งสองชมรมนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงประจำปี และก็มีการจัดนำเที่ยวหรือมีกิจกรรมเป็นครั้งเป็นคราว ใครที่สนใจก็สามารถติดตามตามข่าวสารของชมรมได้

         มีคำพูดที่มักจะได้ยินอยู่เสมอ เมื่อเวลากรรมการไปชักชวนให้สมัครเป็นสมาชิกไม่ว่าจะชมรมไหน คำพูดที่ว่าก็คือ "สมัครแล้วได้อะไร" ผมอยากจะถามกลับท่านที่ถามเช่นนี้ว่า การกระทำแต่ละอย่างของท่าน แม้แต่เพียงกรอกใบสมัครไม่กี่บรรทัดนั้นต้องมีสิ่งตอบแทนทุกครั้งไปเลยหรือ ทั้งๆที่กรรมการเขาก็ "ไม่ได้อะไร" แต่เขาก็ยังมาทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อให้พวกเราได้พบปะสังสรรค์คลายเหงากันตามวาระ ท่านอาจไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ท่านก็ไม่ได้เสียอะไร และยังได้รับข่าวสาร ถ้าท่านไม่สนใจก็ทิ้งมันไป แต่บางครั้งข่าวสารนั้นอาจเป็นประโยชน์ต่อท่านไม่วันใดก็วันหนึ่งก็ได้ เพราะกรรมการก็พยายามสรรหาสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ท่าน เช่นการประสานงานกับสหภาพสหกรณ์เพื่อการดูแลผู้เกษียณทั้งหลาย  ก็ขอเชิญให้สมัครกันเถิดครับ โดยเฉพาะของ ชฟกน.เขามีสวัสดิการเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้ด้วยนะครับ แต่ก็น่าจะสมัครทั้งสองที่เลยละครับ

         เนื่องจากเหลืออีกไม่กี่วัน ผู้เกษียณก็จะกลับไปนอนบ้านแล้ว ที่พอทราบมา ส่วนใหญ่ที่บ้านก็ไม่ใช้คอมพิวเตอร์กัน นี่ผมก็เกษียณมาหลายปีแล้ว รุ่นน้องๆหลายรุ่นแล้วก็ยังไม่ใช้คอมพิวเตอร์กัน จึงไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะมีผู้เกษียณที่ใช้คอมพิวเตอร์กันสัก 30 เปอร์เซ็นต์  ดังนั้นผมจึงต้องรีบแจ้งข่าวคร่าวๆไว้ที่นี้ก่อน เพราะตอนนี้ผู้เกษียณยังสามารถเปิดดูอินเตอร์เน็ตที่ที่ทำงานได้อยู่

        เรื่องที่ 1 คือเรื่องการเป็นเจ้าภาพทอดกฐินของประธานชมรมผู้เกษียณ ชสอฟ. คุณวิเชียร ปั้นศรี ที่วัดสระบัว อ.เมือง จังหวัดเพชรบุรี วันที่ 3 พฤศจิกายน 2555 เวลาประมาณ 13.30 น.

        เพื่อนฝูง ลูกน้อง ลูกศิษย์ หากจะร่วมทำบุญโปรดติดต่อได้นะครับมีหลายที่ แต่ที่สะดวกผมว่าติดต่อที่คุณอลงกต เกียรติสงคราม โทร. 081 774 9479 ดีที่สุดครับ  สำหรับผู้ที่จะไปร่วมงานด้วย เจ้าภาพแจ้งว่าเตรียมรถไว้ 40 ที่นั่ง ขอช่วยค่ารถคนละ 600 บาทครับ  คนรู้จักกันคงติดต่อกันไม่ยากนะครับ

         เรื่องที่ 2 คือเรื่องที่ชมรมผู้เกษียณ ชสอฟ.จัดนำเที่ยว ดูกระทงสายในวันลอยกระทง ที่จังหวัดตากตั้งแต่วันที่ 28 - 29 - 30 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม สี่วันสามคืน งานนี้มีขึ้นรถไปตากลงแพต่อไปเชียงใหม่ รายการทัวร์เพียบ ค่าทัวร์ราคาถูก นี่เป็นการบอกกล่าวพอสังเขปไว้ก่อน แล้วฝ่ายกิจกรรมพิเศษจะออกหนังสือแจ้งรายละเอียดให้สมาชิกทราบต่อไป รอรูปจากคณะสำรวจยังไม่ส่งมาให้เลยไม่มีรูปสวยๆลงให้ดู รายละเอียดเป็นอย่างไรรอฟังนะครับ

         ก็คงมี 2 เรื่องนี่ที่รีบบอกไว้ก่อนที่ท่านจะกลับไปนอนอยู่บ้าน

         วันนี้ ผมเอาหนังสือ "ชีวิตที่เหนื่อยนัก พักเสียบ้างดีไหม" มาขึ้นหัวไว้  ในความหมายก็คือ เราทำงานกันมาจะเรียกว่าทั้งชีวิตก็ว่าได้ เราผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมายทั้งความทุกข์ความสุข ณ บัดนี้ถึงเวลาที่เราจะได้พักผ่อนกันแล้ว  ได้อยู่กับลูกกับเมียกับสามี อยู่กับลูกกับหลานแต่ก็ไม่แน่ว่าทุกคนจะได้พักผ่อนเช่นกันหมด บางคนอาจจะต้องรับภาระหนักขึ้นกว่าเดิม ถ้าชีวิตที่ผ่านมาของเขายังไม่พร้อม แต่อย่างไรก็ตามทุกคนก็เดินมาถึงที่จุดๆเดียวกัน








การ์ตูนวันนี้ดูแล้วก็ขำๆ
แต่ถ้าดูดีๆ มันอาจจะเป็นปรัชญาก็ได้
คือเจ้านกนี้มันไปติดเกาะ โดยไม่รู้ว่ามันบินได้
จนมาวันหนึ่งมันจึงรู้ว่ามันบินได้ มันจึงบินจากเกาะนี้ไป
เปรียบทางศาสนามันอาจเหมือนการติดยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เมื่อเราปล่อยวางไม่ติดยึด เราก็จะเป็นอิสระ
เหมือนที่เราอยู่ใน กฟน.มาตลอดชีวิต โดยที่เราก็ไม่กล้าออกไปไหน
เนื่องจากความกลัว กลัวจะต้องออกไปผจญภัยกับโลกภายนอก
....แต่บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องบินออกไป
ไปสู่ชีวิตส่วนตัว ที่จะต้องช่วยเหลือตัวเอง...








ขอให้ทุกท่านมีความสุขนะคร้บ
เวลาจะไปเที่ยวไหนกันก็อย่าลืมผู้สูงวัยในบ้านนะครับ
อย่าลืมพาท่านไปด้วย ท่านอยู่บ้านท่านจะเหงา  

สวัสดีครับ




***************

ขำ ขื่น



ขำขำ  +  ขมขื่น  =  ขำขื่น





ยามมั่งมี     เพื่อนฝูง     มามุงแดก
ยามถังแตก  เพื่อนหมาหมา  พากันหนี
ยามกูรวย     ช่วยกิน     อย่างยินดี
ยามมึงมี     แอบแดก    กูแปลกใจ

(จาก Facebook ชมรมคนชอบฟัง สถานีวิทยุจราจรเพื่อสังคม)

******************




ที่สุดของความเสียดาย

คือ...ตายไปแล้ว    ยังใช้เงินไม่หมด

ที่สุดของความสลด

คือ...ใช้เงินหมดแล้วยังไม่ตาย

(จาก Facebook สมาคมมุขขำขำ)

**********


          วันนี้มีกลอนมาฝากสองกลอนนะครับ  ลอกจากเฟซบุ๊คมาเช่นเคย ง่ายดี ไม่ต้องคิดเอง และถ้าใครจะด่าก็ไปด่าคนเขียน ก็เราไม่ได้เขียนนี่
          มีคนคอยอ่านบล็อกนี้อยู่บางคนที่คอยดูว่ามันจะด่ากูหรือพวกกูหรือเปล่า ก็ดี ทำให้ยอดคลิ๊กสูงขึ้น แสดงว่าคนอ่านมาก

          ที่ลอกมานี่เพราะเนื้อหาดูมันเข้ากับสังคมไทยดี ในกลุ่มเพื่อนฝูงก็มักจะมีคนประเภทนี้สักคนสองคน ไม่มากมายพอรับได้  สังคมชาติอื่นๆมันก็คงจะมีเหมือนกันแต่เราไม่รู้

          อันที่จริงมันก็เป็นกลอนตลกๆที่โดนใจคนมีเพื่อนมีฝูงทั้งหลาย  จริงๆก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกับเพื่อนประเภทนี้หรอก แต่เป็นการเหน็บกันเล่นๆ  แหม..เวลาตั้งวงแล้วเพื่อนเดินเข้ามาขอร่วมด้วย ใครจะไล่ได้ลงคอ  แต่เวลามันมี แอบไปกินไม่เรียกเราเลย  มีเจ้าของร้านเหล้าบางคนบ่นให้ฟังว่า  "พี่..ดูซิ เวลามันไม่มีเงินมันมาเซ็นร้านผม แต่พอมันมีเงินมันไปแด..ร้านอื่น...." เออ..ไอ้คนอย่างงี้ก็มี

          เอาสั้นๆแล้วกัน ใครที่เกษียณตอนนี้มีเงินอูฟูอยู่ก็ทะนุถนอมเงินทองไว้หน่อย อย่าไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนัก  ถึงเวลาเราเงินหมดแล้วจะเจ็บใจที่ไม่มีใครเรียกเราไปกิน  แต่เพื่อนก็คงไม่เป็นอย่างนี้ไปทุกคนละครับ บอกแล้วไง กลอนเค้าเขียนเหน็บคนบางคนที่เป็นส่วนน้อยเท่านั้นแหละ

          ส่วนกลอนที่สอง แสดงถึงนิสัยอันถาวรของคนบางคน  แสดงถึงความเห็นแก่ตัว(ขำขำ) คือกูได้เงินมาหรือกูมีเงินเท่าไหร่ กูต้องใช้ให้หมด ไม่คิดจะเหลือไว้ให้คนที่อยู่เลยนะ  พอจะตายขึ้นมายังบ่นเสียดายอีก คนอย่างนี้ลูกเมียน่าจะช่วยกันบีบจมูกให้ตายไปซะเร็วๆ

         ส่วนที่สุดของความสลด คือใช้เงินหมดแล้วยังไม่ตาย ข้อนี้น่ะซีที่ผู้เกษียณที่ไม่มีทรัพย์มรดกตกทอดเช่นทายาทตระกูลดังๆเขา พวกเรากลัวกันเหลือเกิน เงินหมดเมื่อไหร่แล้วยังไม่ตาย มันก็จะต้องไปเดือดร้อนลูกหลานกันเปล่าๆปลี้ๆ แก่แล้วจนด้วย นี่มันเรื่องที่ทำร้ายจิตใจเป็นที่สุด  ก็ระมัดระวังการใช้จ่ายจัดงบประมาณกันให้ดีก็แล้วกัน ข้าวของแพงขึ้นทุกวัน ค่าของเงินมันก็น้อยลงๆ








สว้สดีครับ

ขอให้มีความสุขทุกท่านนะครับ



**********

คุยกับความเหงา



เอาความเหงามาแบ่งปัน



         ขึ้นหัวข้อมาอย่างนี้ หลายคนคงจะบอก "โอ๊ย ชั้นไม่เอาหรอกความเหงา ไม่ต้องมาแบ่งปันหรอก...กลัว  ถ้าเป็นเงินทองมาแบ่งปันนั่นคือสิ่งที่ชอบ มีเท่าไหร่ เอามาเลย ไม่ปฎิเสธ

         ใช่แล้วครับ ไม่มีใครชอบความเหงา แต่ทุกคนคงเคยพบกับมันมาแล้วไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง ถ้ามันมาพบท่านในขณะที่จิตใจร่างกายของท่านแข็งแรง มีคนที่เป็นความรักความหวังเป็นพลังใจให้สู้ต่อไป ตอนนั้นท่านอาจทนสู้กับมันได้ เช่นคนที่ต้องจากบ้านจากลูกเมียไปทำงานเพื่อครอบครัวในที่ไกลๆ หรือในต่างแดน เมื่อยามค่ำคืนอาจนอนคิดถึงลูกคิดถึงเมียใจแทบขาด แต่จะทำอย่างไรได้ ถ้าไม่ใช่เพื่อครอบครัว หรือคนหนุ่มสาวที่ต้องอยู่ห่างจากกันหรือคิดถึงกัน ก็จะเกิดความเหงาขึ้นมา นี่คือเหงาเพราะความรัก

          แต่มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง คนเหล่านี้จะเกิดความเหงาอันเนื่องมาจาก "กาลเวลา" คนเหล่านี้ในวัยหนุ่มสาวอาจจะไม่ค่อยพบกับความเหงามาเลยก็ได้ แต่เมื่อเวลามาถึง เวลาที่อายุล่วงเลยเข้าสู่วัยเกษียณและเดินไปสู่ความชรา สุขภาพร่างกายก็เริ่มอ่อนล้าลง จะทำอะไรก็ไม่คล่องแคล่วเหมือนคนหนุ่มสาว เพื่อนฝูงรอบข้างก็อยู่ในอาการเดียวกัน  ลูกหลานใกล้ตัวที่เคยเป็นเด็กเล็กมาคลอเคลียก็เริ่มเติบโตไปหาเพื่อนเล่นที่อยู่ในวัยเดียวกัน   นี่แหละครับ ผมไม่ได้เอาความเหงามาแบ่งปันนะครับ แต่มันจะมาหาท่านเองโดยไม่ต้องเรียกหา

          สิ่งที่ทำให้ผมใช้เวลาไปกับมันมากที่สุดในวันหนึ่งๆ เพื่อหลีกนี้ความว่างเเปล่าในเวลานี้ก็คือคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะดู Facebook ดู Youtube หาเพลงที่ไม่มีขายฟัง อ่านข่าว(ที่เราพอใจอ่าน) ฯลฯ มีสารพัดที่เป็นความรู้และที่ไม่เป็นความรู้(แต่คนชอบดู) เขียนบล็อกนี่ก็เป็นงานอดิเรกของผมอย่างหนึ่ง คืออยากจะเขียนก็เขียน ไม่ต้องมี บ.ก.มาคอยตรวจสอบกลั่นกรองข้อเขียน เดี๋ยวนี้มีนักเขียนบล็อกเก่งๆมีความรู้มาเขียนบล็อกเป็นจำนวนมาก หาอ่านได้ไม่ยาก โดยเฉพาะข้อมูลลึกๆที่หนังสือพิมพ์ไม่กล้าลง(พวกนี้เขียนส่งไปหนังสือพิมพ์ มันก็ไม่ลงให้หรอก) ตอนนี้ผมเลิกรับหนังสือพิมพ์ทั้งรายวันรายสัปดาห์หมดแล้ว ไอ้พวกนี้แบ่งเป็นเหลืองเป็นแดง เป็นอะไรต่อมิอะไรด่ากันทุกวัน ยุประชาชนให้เกลียดชังกัน มันไม่ได้ทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์แยกแยะถูกผิดเพื่อให้คนอ่านใช้วิจารณญาณของตนเองเหมือนสมัยก่อนแล้ว ไอ้นักหนังสือพิมพ์รุ่นใหญ่ที่เคยมีอุดมการณ์ เดี๊ยวนี้รวยแล้วก็เอากะเขา  ผมเอาเงินค่าหนังสือพิมพ์มาจ่ายค่าอินเตอร์เน็ต ใช้ได้ทั้งวันทั้งคืนเดือนละหกร้อยกว่าบาทเอง

          Facebook เป็นเรื่องเบาๆที่อ่านเพลินๆ เป็นข้อความสั้นๆ ทีคนหลากหลายแทบจะทุกเพศทุกวัย เริ่มตั้งแต่สิบกว่าขวบขึ้นไปเป็นผู้เขียน การอ่านสิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้ว่าแต่ละคนแต่ละวัยมีความคิดเป็นอย่างไร เรื่องนี้อาจจะเก็บไว้เขียนอีกต่างหาก วันนี้เรามาคุญกับความเหงาต่อดีกว่า

         รูปสุภาพสตรีสูงวัยที่มีดวงตาเหม่อลอยแสดงถึงความว้าเหว่หงอยเหงาที่อยู่เหนือบล็อกนี้ ผมได้มาจากเฟซบุ๊คหน้าของ คุณบุญครอง คันธฐากูร   โดยคุณบุญครองได้เขียนคำกลอนประกอบไว้ดังนี้

หาเพื่อนกิน นับเวลา เริ่มหายาก

ส่วนเพื่อนตาย  มีมาก ไม่อยากหา

หันหาเพื่อน ว้าเหว่ เปลี่ยวเอกา

เคยไปมา เคยหาสู่ ต้องอยู่เดียว

         มาสะดุดใจคำว่า "หาเพื่อนกินนับเวลาเริ่มหายาก" 
         สมัยเด็กๆเราจะมีคติเตือนใจกันว่า "เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก" เพื่อนตายในที่นี้หมายถึงเพื่อนที่ยินดีร่วมทุกข์ร่วมสุข ยินดีช่วยเหลือยามเพื่อนเดือดร้อน ฯลฯ แต่เมื่อสูงวัยขึ้นเรื่อยๆ มันชักจะเป็นตรงกันข้ามกันแล้ว คือเพื่อนกินจะหายากเข้าทุกที เพราะบางคนหมอห้าม บางคนเมียห้าม พวกเมียห้ามนี่หนุ่มๆก็ไม่ค่อยกลัว แต่พอแก่ๆไปไหนไม่ค่อยไหวแล้วจึงมาเริ่มกลัวเมีย ส่วนเพื่อนตายนั้น คือเพื่อนที่ตายจริงๆ คือไม่หายใจแล้วนั่นแหละ จะได้ข่าวอยู่เรื่อยๆ หนีไปสวรรค์กันทีละคนๆ นี่หละครับความเหงาเริ่มมาเยือน


         แต่สังคมไทยเรายังดีกว่าสังคมฝรั่งเยอะ สังคมไทยเป็นสังคมที่พ่อแม่ลูก ปู่ย่าตายาย มักจะมีส่วนใดส่วนหนึ่งอยู่ร่วมกัน บางทีมีคนสามรุ่นอยู่ในบ้านเดียวกัน บางคนมีลูกเต้าโตจนมีหลานจนพ่อปลดเกษียณแล้วลูกก็ยังอยู่ในบ้านเลย ยังอาศัยพ่ออยู่เลย (สงสัยรอเงินเกษียณของพ่อไปดาวน์บ้าน) ดังนั้นผู้สูงอายุของไทยจึงไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่ บางบ้านอยู่กันเป็นสิบ คนในบ้านนี้ไม่เคยเหงากันเลย จนบางคนต้องออกมาตะโกนว่า "กูอยากอยู่อย่างเหงาๆบ้างโว้ย" 

          แต่คนรุ่นใหม่ๆต่อไปเริ่มเป็นสังคมเดี่ยวแบบฝรั่งเข้าไปทุกที คงจะพบปัญหานี้ในอนาคต

         พูดถึงฝรั่ง ดังเช่นสุภาพสตรีในภาพข้างบนนั้น ครอบครัวของฝรั่งเป็นครอบครัวเดี่ยว เมื่อลูกโตถึงวัยที่จะทำมาหากินได้แล้ว ก็จะออกจากบ้านไปมีบ้านของตัวเองมีครอบครัวอยู่แยกกันออกไป  และพวกฝรั่งมักไม่เป็นคนติดที่มักจะย้ายที่อยู่ไปหางานในที่ต่างๆ บางคนไปอยู่รัฐที่ไกลจากบ้านพ่อแม่ บางคนไปทำงานที่ประเทศอื่นไปเลย จึงมักจะไม่ค่อยกลับมาเยี่ยมพ่อแม่  พ่อแม่เมื่อถึงวัยปลดเกษียณก็จะอยู่กันตามลำพัง ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป คนที่เหลือก็จะต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังคนเดียว บางคนเคยบอกว่ามีลูกแต่ลูกไม่เคยมาเยี่ยมเลย ฝรั่งที่อยู่ตัวคนเดียวจึงมักไปนั่งตามสวนสาธารณะ หรือตามห้างสรรพสินค้าเพื่อมีโอกาสทักทายพูดคุยกับผู้คนเพื่อคลายเหงา  ตามสถิติแจ้งว่าช่วงวันคริสต์มาสหรือช่วงปีใหม่ ช่วงนี้จะมีผู้สูงอายุเสียชีวิตเนื่องจากการฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นเพราะว่าวันคริสต์มาสหรือวันปีใหม่เป็นวันที่ครอบครัวเคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาสนุกสนานเฮฮากัน แต่เมื่อถึงวันนี้ต้องมานั่งเดียวดายมีแต่ความเงียบ ความหนาว ท่ามกลางหิมะตก มีแสงไฟรอมแรม จึงอาจทำให้ผู้สูงอายุบางคนคิดถึงความหลัง คิดถึงลูกถึงหลานจนทนกับสภาพเช่นนี้ไม่ได้


          ท่านผู้เกษียณที่หลังจากนี้จะต้องพักผ่อนจากงานการในหน้าที่ที่ทำอยู่ มานอนลูบพุงอยู่บ้าน ท่านก็คิดหางานอดิเรกที่ท่านชอบท่านรัก ทำไปเพื่อคลายเหงาตามความถนัดของท่าน ใครที่ชอบใช้คอมพิวเตอร์ก็เชิญมาคุยกับผมได้ หรือจะลองเปิด Facebook เพื่อคลายเหงาก็คุยกันได้ สำหรับผมก็ไม่มีอาชีพพิเศษใดๆ มีคนชวนไปทำอะไร ดูสภาพร่างกายแล้ว เมียบอกไม่ต้องไปทำหรอกเดี๋ยวจะตายเสียก่อน  ตอนนี้ก็มีหนังสือกับคอมพิวเตอร์นี่แหละเป็นเพื่อน  เมื่อสองปีก่อน ไอแพดเพิ่งเข้ามาในไทย ลูกสาวก็ซื้อให้เครื่องนึง เออ..มันนอนอ่านสบายดีจัง ง่วงหลับไปมันก็ปิดของมันเอง ไม่ต้องมานั่งรอชัตดงชัตดาวให้เสียเวลา
ลูกสาวมาเยี่ยมปีนี้ หลานซึ่งโตพอสมควรและเคยเล่น gadget มาหลายอย่างแล้ว เดิมเคยเล่นเกมนินเทนโด้อยู่ แม่ใจดีซื้อนิวไอแพดให้เครื่องนึง เดิมเคยเล่นของตาอยู่ ตอนนี้เอามาคืน บอกของตารุ่นเก่าล้าสมัย กล้องก็ไม่มีเขาไม่เล่นแล้ว นี่แหละครับเด็กสมัยนี้เก่งจริงๆ เราซื้อมายังลองเล่นอยู่ตั้งนานกว่าจะเป็น เด็กๆนี่เปิดเครื่องส่งไปให้ แป๊บเดียวเล่นเกมปร๋อไปเลย  ตาเลยคุยโม้ว่าตามีของอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วอยากเห็น ThaiPad ที่ตาเคยใช้ไหม จะให้ลองใช้ดู ถามว่าทำยังไง ก็สอนวิธีเขียนให้ดู ตามรูปข้างล่างนี่แหละครับ เขียนเล่นสักพักก็คืน บอกรู้แล้วโน๊ตบุ๊คของตา

          วันนี้ วันที่ 11 กันยายน วันที่กำลังเขียน(พิมพ์)อยู่นี้ เป็นวันตรงกับวันเกิดของหลานคนเดียวของผม ซึ่งถ้าอยู่เมืองไทยก็คงได้ฉลองวันเกิดกันอย่างครื้นเครง แต่เขาต้องกลับไปเรียนหนังสือ ซึ่งเพิ่งเปิดเทอม เป็นธรรมดา ตากับยายก็ต้องคิดถึงวันนี้ ก็ขอส่งใจอวยพรให้หลานจัสมินมีสุขภาพกายสุขภาพจิตสมบูรณ์แข็งแรงมีสติปัญญาในการเรียนมีความพร้อมในการเติบโตเป็นเด็กที่ดีในอนาคตต่อไปอย่างมีความสุข

          ชักจะเหงาขึ้นมาแล้วซี
          นี่แหละครับ คงจะเป็นไปตามหัวเรื่องที่ว่า "เอาความเหงามาแบ่งปัน"    
          หลานมาเยี่ยม ก็หายเหงาไปชั่วขณะ
          หลานกลับไปแล้ว ตอนนี้ก็ต้องปรับชีวิตประจำวันกันใหม่
          ขออวดรูปหลานในวันคล้ายวันเกิดหน่อยนะครับ
        


 

นี่แหละครับ ThaiPad ของคุณตา



ระหว่างนั่งรอเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ
มีเพื่อนชาวต่างประเทศสนใจไอแพด




โชว์ iPad ของตัวเอง



เรื่องของความเหงาก็มีเท่านี้แหละครับ
วันนี้อาจมีเรื่องส่วนตัวมาปนบ้างนิดหน่อย
เขียนไปเขียนมา ความเหงามันลากไป ขออภัยด้วยนะครับ


สุดท้ายขอขอบคุณภาพและคำกลอนที่คัดลอกมาจาก
Facebook ของคุณบุญครอง คันธฐากูร ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ





สวัสดีครับ
ขอให้ท่านที่เกษียณทุกท่านโชคดีกับชีวิตใหม่นะครับ


**********







อาลัยแต่....



ไว้อาลัยแด่
คุณกัญจนา แย้มอุบล



         คุณกัญจนา แย้มอุบล เป็นกรรมการของชมรมผู้เกษียณ ชสอฟ. 1 ใน 15 ท่าน
         คุณกัจณาได้เข้าร่วมงานกับชมรมฯภายหลังจากเกษียณฯแล้วระยะเวลาหนึ่ง คุณกัญจนาเป็นกรรมการที่ขยันขันแข็ง ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่และช่วยปรับปรุงระบบงานที่รับผิดชอบอย่างตั้งอกตั้งใจจนเพื่อนคณะกรรมการหวังว่าจะเป็นตัวหลักสำคัญในการทำงานคนหนึ่งต่อไป

         หลังจากนั้น เมื่อไม่นานมานี้คุณกัญจนาได้แจ้งให้ทราบว่าไม่ค่อยสบาย ขอลาพักไปรักษาตัวระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเพื่อนกรรมการก็ขอให้หายเร็วๆ จะได้กลับมาร่วมงานกันใหม่  แต่ต่อมาก็ได้ทราบว่าคุณกัญจนา ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2555 และได้ฌาปกิจศพไปแล้วเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2555  ณ วัดบางไผ่  ถนนบางกรวย-ไทรน้อย อำเเภอบางบัวทอง ซึ่งประธานชมรมฯและกรรมการบางท่านได้ไปร่วมวางหรีดและเคารพศพด้วยแล้ว

         ในฐานะกรรมการชมรมฯและฐานะผู้เกษียณด้วยกัน ขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยแด่คุณกัญจนา แย้มอุบล มา ณ ที่นี้ และขอให้บุญกุศลที่คุณกัญจนาได้สร้างไว้จงส่งผลให้ดวงวิญญาณของคุณกัญจนาได้สู่สรวงสวรรค์ด้วยเทอญ

********

          ต้องขออภัยเพื่อนสมาชิกด้วยครับ ที่รายงานข่าวชิ้นนี้มาล่าช้ามาก เนื่องจากผมก็ป่วยเหมือนกันและไม่ได้เข้าประชุม ทั้งกรรมการท่านอื่นก็ไม่ได้แจ้งให้ทราบ มาทราบเอาก็วันมาประชุมวันที่ 5 กันยายนนี่แหละครับ จึงได้หาข้อมูลมารายงานให้ทราบกัน

         ความไม่แน่นอนของชีวิต  ดูซิครับเห็นกันอยู่ดีๆ ปุบปับเพื่อนเราก็มาเสียชีวิตไปเสียแล้ว  อะไรมันไม่แน่นอน วันนี้คุยกันอยู่ดีๆ พรุ่งนี้อาจจะจากกันไปแล้ว คำพระท่านว่าอย่าประมาท ดังนั้นเมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็จงทำแต่ความดีไว้ ให้เพื่อนฝูงรักใคร่ให้ครอบครัวรักใคร่ เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสขอโทษใครได้อีกหรือไม่  หลังจากเกษียณมานี่ก็ได้ข่าวการเสียชีวิตของญาติมิตรเพื่อนฝูงหรือบุคคลที่รู้จักมาเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะมาถึงตัวเรา ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพจิต สุขภาพกายให้มั่นคงสมบูรณ์ไว้เพื่อมีชีวิตที่มีความสุขอายุยืนยาวต่อไปนานๆนะครับ



******


ห้องประชุมใหม่





ห้องประชุมใหม่





          เมื่อวันพุธที่ 5 กันยายน 2555 ชมรมผู้เกษียณ ชสอฟ. มีนัดประชุมตามวาระประจำเดือนเป็นปรกติ แต่ที่ไม่ปรกติก็คือห้องประชุมเดิมที่ชั้น 4 ของสหภาพฯสหกรณ์ฯ ห้องเล็กที่ ชสอฟ. ขอใช้ในการประชุมประจำเดือนตลอดมานั้นได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องทำงานไปเสียแล้ว  แต่ทางสหกรณ์ก็ได้อนุญาตให้ไปใช้ห้องประชุมที่จัดทำตกแต่งขึ้นใหม่ที่ชั้น 5 อาคารสหกรณ์(ตึกหลัง) ก็ถือเป็นการ Upgrade จาก 4 เป็น 5 โดยไม่ต้องสอบและเป็นส่งเสริมการออกกำลังกายตามนโยบายของ สสส. เพื่อให้กรรมการ ชสอฟ. แต่ละท่านแข็งแรงไปในตัว รวมทั้งเป็นการทดสอบพละกำลังว่าแต่ละท่านยังมีสุขภาพและร่างกายแข็งแรง เหมาะสมที่จะทำหน้าที่เป็นกรรมการรับใช้มวลสมาชิกต่อไปหรือไม่


ท่านประธานนั่งเด่นเป็นสง่า อุปกรณ์ไฮเเทคเพียบ


         ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ในฐานะที่ ชสอฟ.ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง มีแต่ตัวกับหัว....ใจ    เราต้องขอความอนุเคราะห์จากผู้อื่นทั้งนั้น จะอย่างไรเราก็ยินดีรับเสมอ  จากชั้น 1 ไปชั้น 5 เดินช้าๆ หายใจลึกๆ ถึงห้องประชุมแล้วอย่าเพิ่งคุย นั่งสูดอากาศให้เต็มปอดสักพักก็คงอยู่รอดปลอดภัยได้หรอก ถ้ามารถเมล์ เดินมาใกลก็นั่งพักที่ชั้นล่างให้หายเหนื่อเสียก่อนค่อยขึ้นไป ดีแล้วที่ยังมีห้องให้ประชุม



เก้าอี้ยังไม่แกะพลาสติกเลยครับ












         ก็ต้องขอขอบคุณสหกรณ์ครับ ที่นอกจากให้งบประมาณในการดำเนินการแล้ว ก็ยังอนุเคราะห์เรื่องห้องประชุมให้อีกด้วย การทำงานของ ชสอฟ.นี่ก็เป็นการทำงานเพื่อสมาชิกเหมือนกันแหละครับ แต่เป็นสมาชิกเกษียณแล้ว ไม่มีปากมีเสียง ชสอฟ.ทำได้แค่กำลังกายและทุนทรัพย์จะอำนวย อาจถือได้ว่าเป็นบริการเสริมจากสหกรณ์สำหรับผู้เกษียณอีกทางหนึ่ง จากการที่เราต้องรอรับความ "อนุเคราะห์" สถานเดียวจึงไม่ทราบว่า ชสอฟ.จะมีโอกาสใช้ห้องประชุมนี้ในคราวต่อไปอีกหรือไม่ เพราะทราบว่าทั้งสหกรณ์ฯและสหภาพฯมีวาระการประชุมเพียบ (ยินดีด้วยกับสมาชิกทั้งสององค์กรนะครับ ที่กรรมการที่ท่านเลือกตั้งขยันทำงานกันอย่างจริงจัง)







ห้องกว้างขวางสะอาดสะอ้าน แต่ห้องน้ำต้องลงมาชั้น 4 พวก "ลูกหมาก" ไม่ดี ต้องขยันเดินหน่อย (สว.ขี้บ่น)




          ในเมื่อเราก็ยังไม่ทราบว่าครั้งต่อไปเราจะยังได้มาประชุมห้องนี้อีกหรือไม่  และห้องนี้ก็เป็นห้องใหม่เอี่ยมกว้างขวางสะอาดสะอ้านเหมาะสมกับผู้เข้าประชุมประมาณ 20 ท่านหรือมากกว่า.......
          จากการที่เราคุ้นเคยกับการได้เห็นแต่ของเก่าๆเหี่ยวๆ เมื่อมาเจอของใหม่ๆซิงๆจึงตื่นเต้นเป็นธรรมดาโดยไม่ต้องใช้ไวอาก้า  เลยต้องขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย  รวมถึงเป็นการเผยแพร่ให้สมาชิกสหกรณ์ฯสหภาพฯได้ทราบว่าองค์กรที่ท่านเป็นสมาชิกอยู่มีความก้าวหน้าไปอย่างไร เพื่อความภูมใจ


*****

อย่าลืมนะครับ
ท่านที่เกษียณในปีนี้ อย่าลืมสมัครเป็นสมาชิก
ชมรมผู้เกษียณ ของสหกรณ์ ชสอฟ. นะครับ
เราจะมีกรรมการไปแจกใบสมัครให้ท่าน
ในงานเลี้ยงของสหกรณ์ฯและสหภาพฯ ที่เขาใหญ่




 
เจอกันที่เขาใหญ่น้าค้า....

^^^^^^^

สำหรับผู้ที่มี Face book
ไป Add คุยกันได้ที่
สองวัย ใจตรงกัน
นะครับ

หรือ
คลิกที่คำว่า ชุมชน คนเกษียณ
ที่มุมซ้ายบนสุดของหน้า Blog นี้ได้เลย


**********