ผลการเลือกตั้งฯ






ผลการเลือกตั้งกรรมการ
สหกรณ์ออมทรัพย์ กฟน.
 
 
 
ยามบ่ายบริเวณลานกฟน.วัดเลียบ
 
 
 
หมายเลข
 
1 - 2 - 3 - 4 - 5 - 6 - 7
 
 
รายละเอียดโปรดติดตามจาก
website ของสหกรณ์ หรือ
Facebook ของแต่ละกรรมการ
 
 
 
(ภาพเพิ่มเติมแชร์จาก Facebook)
 
 
 
 
 
**************


รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง
กรรมการดำเนินการ สอฟ.
 
วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556
 
เวลา 8.00 - 15.00 น.




 
 
 
ท่านผู้เกษียณคงได้รับวารสารจากสหกรณ์ฯทุกท่านแล้วนะครับ
ก็คงพิจารณาดูๆเอาไว้ รักใครชอบใคร
นโยบายของทีมไหน(ที่คงส่งมาให้ที่บ้านแล้ว)
ก็เตรียมตัวกันไปใช้สิทธิ์กันได้เลยครับ
 
 
 
**************

อนาคตประเทศไทย (ต่อ)

 
 
 
 
 
อนาคตประเทศไทย (ต่อ)
 
อนาคตพวกเรา
 
 

 
 
เมื่อคราวที่แล้วมัวแต่ลำดับความเป็นมาของที่มาของ "ฟองสบู่แตก" จนเกิดวาทกรรม "ต้มยำกุ้ง"จนยืดยาว เกรงว่าผู้อ่านจะเบื่อเลยขอจบไปห้วนๆไปตอนหนึ่งก่อน
 
ขอบอกกล่าวกันเสียหน่อยว่าการเขียนของผมเป็นรูปแบบที่นึกอะไรได้คิดอะไรออก ก็เขียนๆไป มิได้มีการลำดับหัวข้อร่างเนื้อหาเป็นเรื่องเป็นราวอะไร เพราะไม่อยากเครียดกับวิชาการ ติดขัดอะไรก็เอาที่จำได้ ขี้เกียจไปรื้อค้นข้อมูลให้เหนื่อย เพราะถือว่างานนี้เป็นเหมือนนั่งพูดคุยกัน เพียงแต่ว่าผมเป็นคนคุยข้างเดียวเท่านั้น  หนังสือหนังหาที่นำมาประกอบก็หยิบเอาใกล้ๆที่เห็นได้ง่ายๆ  บางเล่มที่มีอยู่อยากจะเอามาแนะนำแต่ไม่รู้อยู่ตรงไหน หาไม่เจอก็เลยไม่ได้นำมา  เมื่อเข้าใจกันตามนี้แล้ว ผิดพลาดบกพร่องอย่างไรก็คงไม่ว่ากันนะครับ
 
มาว่ากันต่อ.....
 
ที่ผมได้เปิดประเด็น "อนาคตประเทศไทย" ขึ้นมานี้ก็เพราะว่าอนาคตของประเทศไทยมันมีผลต่ออนาคตของพวกเราทุกคน  องคาพยพต่างๆในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือองค์กรต่างๆต้องเกี่ยวข้องกันอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้   ตราบใดที่เราไม่มีคฤหาสถ์ร้อยล้านอยู่ต่างประเทศ หรือไม่มีเครื่องบินส่วนตัวที่จะบินไปอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกนี้หรืออาจจะ "โลกหน้า" ด้วย
 
 
 
 


ตลอดเวลาที่ผ่านมาในระยะนี้ หรือก่อนหน้านี้มานานแล้ว  เราคงจะได้ข่าวการล่มสลาย การมีหนี้สินล้นพ้นตัวจนอยู่ในสภาพล้มละลายของประเทศต่างในยุโรปเช่นประเทศกรีซ ประเทศสเปน ประเทศโปร์ตุเกส ประเทศอิตาลี  ทั้งๆที่ประเทศเหล่านี้ต่างเคยเป็นมหาอำนาจมาแล้วทั้งสิ้น

ประเทศกรีซเคยยิ่งใหญ่โดยพระเจ้าอเล็คซานเดอร์มหาราช ยกทัพตีเมืองต่างๆไปทั่วยุโรป และก็ตีมาจนถึงอินเดีย  ประเทศสเปนเป็นนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่เดินทางไปยึดแผ่นดินอเมริการวมทั้งเอเซียบางส่วน  ประเทศโปร์ตุเกสที่คนไทยรู้จักดี เพราะเป็นเจ้าอาณานิคมย่านเอเซียมาก่อนที่อังกฤษและฝรั่งเศสจะมาแย่งชิงไป  สำหรับอิตาลีแทบไม่ต้องพูดถึง ทุกคนต้องรู้จักอาณาจักรโรมันผู้ยิ่งใหญ๋  จนมีคำกล่าวที่ว่า  "ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม" รวมทั้งเป็นศูนย์กลางของศาสนจักรโรมันคาทอลิคจนทุกวันนี้

แล้วเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร  ประเทศต่างๆต้องเข้าไปช่วยพยุงฐานะไว้ เพราะถ้าปล่อยให้ประเทศเหล่านี้ล้มละลาย  มันก็จะเป็นโดมิโนให้ประเทศอื่นๆล่มจมไปด้วย อย่างที่เคยเกิดต้มยำกุ้งในประเทศไทยมาแล้ว

และที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุดตอนนี้ก็คือ  ข่าวที่ว่าประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่นกำลังจะล้มละลาย  เพราะทั้งสองประเทศนี่กำลังเป็นหนี้เป็นสินที่คิดว่าทำอย่างไรก็ไม่มีทางใช้หนี้ได้หมดในชาตินี้  อเมริกาจึงเริ่มพิมพ์แบงค์ขึ้นมาใช้เองแบบไม่อั้นและไม่มีกำหนดหยุด  และญี่ปุ่นกำลังจะเอามั่ง  คิดดูสิครับ ลองเสกกระดาษขาวๆขึ้นมาเป็นแบงค์ได้ไม่อั้น  อะไรมันจะเกิดขึ้น  ค่าของเงินมันจะกลายเป็นแบงค์ "กงเต็ก" ที่เราเคยเห็นกันหรือเปล่า  ใครที่มีปู่ย่าตายายที่มีชีวิตอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง  ลองถามดูว่าช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครองประเทศไทย  แล้วญี่ปุ่นพิมพ์แบงค์ไทยใช้เองเลยนั้น ค่าเงินบาทตกวูบวาบแทบไม่เหลือราคาเดิมเลย ที่เคยกินก๋วยเตี๋ยวกันชามละสองตังค์สามตังค์ก็หมดไป  แล้วเงินในกระเป๋าเราจะเหลือเท่าไหร่  ถ้าเงินดอลลาร์เป็นแบงค์กงเต็ก แล้วเงินดอลลาร์ที่ประเทศไทยฝากไว้จะเหลือเท่าไหร่  แล้วเงินบาทในกระเป๋าเราจะเหลือเท่าไหร่





ทำไมอนาคตประเทศไทยถึงน่าเป็นห่วง

อันที่จริงก็ห่วงตัวเราเองนั่นแหละ

ในขณะที่สถานะทางการเงินของทั่วโลก กำลังผันผวนกำลังอยู่ในอันตราย  ดูเหมือนผู้รับผิดชอบบริหารประเทศไทยจะไม่รู้หนาวรู้ร้อนแต่ประการใด  ทั้งๆที่มีการวิเคราะห์กันมาแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้หลายประเทศต้องล่มจมหนี้สินล้นพ้นตัว  ก็เนื่องมาจากการใช้จ่ายเกินตัว  มีการกู้ยืมเงินเกินรายได้ประชาชาติเป็นจำนวนมาก  นำมาใช้จ่ายตามนโยบายประขานิยม  เพื่อให้ตนเองได้ร้บคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง  เพื่อจะได้อยู่ในอำนาจเพื่อทำการกอบโกยงบประมาณของชาติต่อไป   จนกว่าประเทศล่มจมไม่เหลืออะไรให้สูบ  พวกนี้ก็จะย้ายหรือหนีไปอยู่ต่างประเทศอย่างสุขสบาย  ทิ้งให้ประชาชนผู้ยากจนทนทุกข์ทำงานเสียภาษีกันไป เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ โดยไม่เหลือเงินมาบำรุงประเทศหรือให้สวัสดิการแก่ประชาชนได้เลย  ถ้าท่านศึกษาประวัติศาสตร์  จะเห็นได้ว่ามีผู้นำประเภทนี้อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย  ดังนั้นการกู้เงินเป็นแสนล้าน...เป็นล้านล้าน(ล้านของล้านมีศูนย์กี่ตัวไม่รู้) การซื้อข้าวราคาแพงมาเก็บให้เน่า  การแจกสารพัดสิ่ง จึงเป็นลางบอกเหตุที่อันตรายกำลังจะมาถึง
 




ที่ออก
 
 
 
ถ้าเราได้อ่านหนังสือต่างๆที่กล่าวถึงเหตุแห่งการเกิดต้มยำกุ้ง  ท่านจะเห็นว่าเหตุการณ์คล้ายๆกันนั้นมันเริ่มจะเกิดขึ้นเหมือนๆกับที่เคยขึ้นมาก่อนอีกแล้ว  นี่ไม่ใช่คนกระจอกๆอย่างผมเป็นคนพูด   แต่คนที่พูดมีทั้งนักเศรษฐศาสตร์  มีทั้งนักวิชาการ  นักวิเคราะห์วิจารณ์ต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ   ดังที่ผมได้เขียนไว้ในตอนก่อนแล้ว  เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเช่น  เงินตราต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนมากผิดปกติ   ตลาดหุ้นบูม  เงินบาทแข็ง(ก่อนอ่อน)  ธนาคารบางธนาคารเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง  (นี่ยังมีการทำนายกันว่าพิษของรถยนต์คันแรก อาจทำให้สถาบันทางการเงินที่มีผู้ผ่อนรถอยู่นั้นอาจสั่นคลอนในอนาคต ขณะนี้ผู้ผ่อนรถคันแรกเริ่มมีปัญหากันแล้ว) อสังหาริมทรัพย์ที่สร้างไว้เป็นจำนวนมากเริ่มหยุดการซื้อขาย มีการการเก็งกำไรกันมากกว่าการผลิต ฯลฯ
 
 
 

 
 
เมื่อเราเป็นหนี้ล้นพ้นตัว  ไม่มีปัญญาใช้หนี้  เจ้าหนี้ก็จะเข้ามาดูมาตรวจสอบทรัพย์สินในบ้านเรา ว่าเรามีอะไรบ้าง  มีตู้เย็น ทีวี หม้อข้าว พัดลม  อะไรที่พอจะเอาไปหักหนี้ได้ ก็จะยึดเอาไป   เช่นเดียวกัน ในระดับประเทศเราก็มีธนาคารโลก มี IMF. ที่เราต้องไปยืมเงินเขาเพื่อไปใช้หนี้ เขาก็จะดูว่าเรามีสมบัติอะไรบ้าง  อัอมีรัฐวิสาหกิจเหรอ เอาไปขายซะ เอาเงินมาใช้หนี้ มีอะไรมาขายได้มาหักหนี้ได้ก็เอามาซะดีๆ  และเพื่อไม่ให้เบี้ยวหรือบิดพริ้ว ก็ตัองออกกฎหมายมากำกับไว้ให้ปฏิบัติตาม
 
 
 
 

นี่แหละครับ "ต้มยำกุ้ง" ที่เกิดขึ้นเมื่อราว 15 ปีที่แล้ว  ที่ย้อนอดีตมาพูดถึงในวันนี้  เพราะผมกลัว  กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก ตามที่มีการพยากรณ์กันจากผู้รู้ต่างๆ ประกอบกับการบริหารตามนโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลในปัจจุบัน  ถ้ามันเกิดขึ้นอีกในเวลานี้  คงไม่พ้นที่ประชาชนจะได้รับความเดิอดร้อนกันถ้วนหน้า 
 
และถ้ามันหนักหนาถึงขนาดต้องขายรัฐวิสาหกิจหรือที่เรียกกันให้โก้ๆว่าแปรรูปรัฐวิสาหกิจขึ้นอีกครั้ง  ก็ไม่รู้ว่าคราวนี้จะรอดได้อีกไหม  ถ้าไม่รอด สถานะของพนักงานจะเป็นอย่างไร   รายได้และสถานะทางการเงินจะเป็นอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้นสหกรณ์จะมีมาตรการการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเช่นเดียวกับสถาบันการเงินอื่นๆได้อย่างไร
 
ณ วันนี้ผมจึงอยากจะฝากให้เพื่อนๆน้องๆ อย่าประมาท จงใช้จ่ายอย่างมีระเบียบวินัยทางการเงิน  โดยเฉพาะน้องๆที่เข้าทำงานหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง อาจไม่รู้ฤทธิ์เดชของมัน  ที่ทำให้ชีวิตคนต้องหักเหไปเป็นจำนวนมาก บางคนต้องฆ่าตัวตาย จากคนทำงานในห้องแอร์ต้องไปขายน้ำเต้าหู้ จากนักธุรกิจต้องไปเดินขายแซนด์วิช  ใน กฟน.ต้องงดรับคนใหม่ ต้องลดโอที(สำคัญ)  ตัวอย่างในสเปนต้องขาย ต้องลด ต้องงดสวัสดิการที่ให้แก่ประชาชนจนเกิดจราจลวุ่นวายไปทั้งประเทศ
 
สำหรับสหกรณ์เองก็ควรมีนโยบายให้สมาชิกใช้จ่ายอย่างมีวินัย  ใช้เงินที่กู้มาเพื่อความเป็นอยู่ของครอบครัวที่ดีขึ้น  มิใช่นำไปใช้ในสิ่งฟุ่มเฟือย จนนำความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัว มิใช่มุ่งแต่ความนิยมชมชอบจากสมาชิกแต่ถ่ายเดียว
 
 
 

 
 
ทักษิณคิด
 
 
 
 
ยิ่งลักษณ์ทำ
 
 
ไม่ใช่กระต่ายตื่นตูม แต่ไม่ควรประมาท
 
นอกจากจะบอกกล่าวให้ระมัดระวังพิษเศรษฐกิจทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นแก่พวกเราสมาชิกสหกรณ์ทุกคนแล้ว  สำหรับเพื่อนๆผู้เกษียณที่มีเบี้ยน้อย(แต่หอยใหญ่)  มีเงินก้อนสุดท้ายเพียงเล็กน้อยไว้กินเงินปันผลปีละไม่เท่าไหร่  ก็คงแล้วแต่บุญแต่กรรมหละครับ อะไรมันจะเกิด  มันก็ต้องเกิดหรือ Let it be  (ที่ทักษิณแปลว่า ช่างแม่มันนั่นแหละ) ก็ขออย่าให้ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำไปกว่านี้...เงินปันผลอย่าให้ต่ำไปกว่านี้  ข้าวของอาหารการกินอย่าให้แพงขึ้นทุกวันๆเช่นนี้ ก็ทำใจไว้ถือเสียว่า "แสนเสียดาย ที่ตายแล้วยังใช้เงินไม่หมด  แสนสลดที่ใช้เงินหมด  แล้วยัง(เสือก)ไม่ตาย" ไม่รู้อย่างไหนจะมาก่อน  
 
ผมหวั่นๆคำพูดของทักษิณที่พูดว่า "ถ้าผมอยู่ไม่เป็นสุข คนอื่นก็อย่าอยู่เป็นสุขเลย" ไม่รู้เราจะต้องอยู่อย่างไม่เป็นสุขอย่างทักษิณว่าไว้หรือเปล่า
 
ช่วงเวลานี้ก็เป็นเวลาใกล้เลือกตั้งกรรมการเข้าไปบริหารสหกรณ์  ก็หวังว่าเราจะได้กรรมการ(และที่ปรึกษา)ที่มีความรู้ความสามารถ    มีวิสัยทัศน์ทางการบริหารในหลายๆด้าน ที่สามารถลดรายจ่าย(ค่าใช้จ่ายต่างๆ) เพิ่มรายได้ มีความรู้ในการลงทุนเพื่อเพิ่มผลกำไรมีระเบียบวินัยทางการเงิน มีระบบการให้กู้เงินเพื่อประโยชน์ของสมาชิกและคุ้มครององค์กร  มีแผนปฏิบัติในยามวิกฤตเช่นอาจเกิดวิกฤตการเงินของประเทศเช่นต้มยำกุ้ง   (ก่อนเกิดต้มยำกุ้งเงินปันผลเกิน 10 เปอร์เซ็นต์  ถ้าเกิดต้มยำกุ้งอีกครั้ง จะเหลือเท่าไหร่) เราไม่คิดว่ากรรมการควรมีความรู้เพียงแค่การบริหารส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินกู้เงินฝากเท่านั้น
 
 
วันพฤหัสฯที่ 21 นี้แล้วนะครับ ใครรักใครชอบใครก็เลือกตามที่ใจชอบ  หรือชอบนโยบายของใคร ก็ว่ากันไป นโยบายของแต่ละทีมก็น่าสนใจในแต่ละกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันไป   ตามหลักประชาธิปไตย  ขอให้ทุกคนโชคดีได้คนที่ตนชอบตามปรารถนาครับ

 
 
 
 
 
 
เฮ้อ..ขอพักหน่อย  กลุ้มว่ะ
ต้มยำกุ้งมาอีกที ตูเสร็จแน่
 
 
 
 
 
***************