กล้วยหอม



กล้วยหอม

        กล้วยหอมมีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะแก้โรคซึมเศร้า เหงาหงอยสำหรับผู้ที่เพิ่งจะเกษียณอายุ อยู่บ้านว่างๆก็นั่งกินกล้วยหอมไปพลางๆก็แล้วกัน เชิญอ่านได้ตามสบายครับ...





* ประโยชน์จากกล้วยหอม

ดีต่อสมองและระบบประสาท *

เป็นที่รู้จักกันดีว่าการกินกล้วยหอมจะช่วยลดอาการซึมเศร้าได้เนื่องจากในกล้วย


หอมมีสาร ทริปโตแฟน (Tryptophan) อันเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ซึ่งร่างกายคุณ

สามารถเปลี่ยนให้เป็นสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่จะทำให้คุณผ่อนคลาย มี

ความสุข หายจากความกังวลทั้งปวง

การกินกล้วยหอมยังลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง จึงช่วยป้องกัน


การเป็นโรคที่เกี่ยวกับสมองได้ด้วย


ในกล้วยหอมยังถือเป็นแหล่งรวมวิตามินบีที่สูงมาก ซึ่งวิตามินบีนี้จะช่วยในการ


ทำงานของระบบประสาท และทำให้การทำงานของสมองได้สมดุล

นอกจากนี้กล้วยหอมยังช่วยในการกระตุ้นความตื่นตัวให้กับสมอง ช่วยให้สมอง


ทำงานได้เต็มที่ ดังนั้นถ้าสามารถกินเป็นอาหารเช้าร่วมด้วยจะดีมาก และถ้ากินใน

ช่วงกลางวันหรือบ่ายก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นกระปี้กระเปร่า
ประโยชน์อื่นๆของกล้วยหอม

-------------------------------
- คนที่มีอาการเป็นตะคริวบ่อยๆ สาเหตุสำคัญก็คือการขาดโปตัสเซียม แต่ถ้าคุณ

ได้กินกล้วยหอมเป็นประจำจะช่วยได้เพราะกล้วยหอมมีโปตัสเซียมสูงมาก และยัง

ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อไม่ให้อ่อนล้า
ในช่วงก่อนมีประจำเดือนสาวๆ มักจะหงุดงิดได้ง่ายรวมทั้งมีอาการปวดท้อง ปวด

หัว ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่การกินกล้วยหอมก็จะช่วยบรรเทาได้


- รักษาอาการถ่ายเป็นเลือด และริดสีดวงทวารได้ด้วยการนำกล้วยหอมมา 2 ผล 

โดยไม่ต้องแกะเปลือกออก จากนั้นก็นำมาตุ๋นจนสุก แล้วกินทั้งเปลือก กินเป็น

ประจำลักพักอาการจะดีขึ้น


- การกินกล้วยหอมวันละ 3 ครั้ง ในตอนเช้า กลางวัน และเย็น ครั้งละผลก็จะช่วย


ในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงให้ค่อยๆ เป็นปกติได้

- รักษาอาการท้องผูกได้ด้วยการกินกล้วยหอมวันละผลหลังจากตื่นนอนทันที

- กินกล้วยหอมดิบๆ ฝาดๆ จะช่วยรักษาอาการกระเพาะอาหารอักเสบได้

- นำเฉพาะเปลือกกล้วยหอมมาสัก 3 ผล นำมาต้มน้ำดื่มจะช่วยยบรรเทาอาการ

กระหายน้ำ คอแห้ง พรือระคายคอได้


- กินกล้วยหอมกับน้ำผึ้งในตอนเช้า และก่อนนอน ครั้งละ 1 ผลจะช่วยบรรเทา

อาการท้องผูก

- บรรเทาอาการเมาค้างด้วยการกินกล้วยหอมปั่นผสมน้ำผึ้ง ดื่มแบบเย็นๆ ก็ตื่นตัว


ได้ดี

- กินกล้วยหอมแล้วจะช่วยยับยั้งการเกิดโรคต่างๆ ในช่องปากจึงช่วยระงับกลิ่น


ปากได้ด้วย

- ช่วยลดอาการคันหรือบวมจากยุงกัด ด้วยการนำเปลือกกล้วยหอมด้านในมาถู


บริเวณที่เป็น

- กินกล้วยหอมเพียง 1-2 คำในมื้อเช้า เที่ยง และเย็น จะช่วยบรรเทาอาการแพ้


ท้องได้

- ลดโอกาสในการเกินโรคโลหิตจางด้วยการกินกล้วยหอม เพราะกล้วยหอมมีเหล็ก


สูงที่จะช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตเม็ดเลือดแดงคุณภาพดี และสามารถช่วยป้องกัน

ภาวะหิตจางได้เป็นอย่างดี


- หน่วยงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาถึงกับอนุมัติให้กล้วยหอมเป็นผล

ไม้ที่สามารถลดความดันโลหิตได้ จึงช่ว- หน่วยงานด้ยป้องกันการเป็นโรคความดัน

โลหิตสูง ลด

การเกิดก้อนนิ่วในไต



- อาหารที่มีโปตัสเซียมสูงอย่างกล้วยหอมจะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการนิ่วใน

ไตได้ เพราะบางทีร่างกายก็จะขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะมาก ทำให้ไตมี

ก้อนนิ่วได้


ชอบใจเนื้อหา และเห็นว่ามีประโยชน์ สามารถกด Like & Share แบ่งปันให้กับคน

ที่คุณรัก และเป็นกำลังใจให้ Admin ฝากกด "LIKE" ถูกใจที่หน้าแฟน

เพจ www.facebook.com/behealthyonline ด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ 

ขอบคุณข้อมูล

จาก http://www.muslimvoicetv.com/health/healthy_content.php?

nid=12130

 ขอบคุณ Face Book : Be healthy's Photo






***********

วันเริ่มต้นชีวิตใหม่


วันเริ่มต้นชีวิตใหม่



        ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้ ที่ทำให้ท่านต้องผิดหวังที่ผมไม่ได้เขียนเรื่องราวอะไรใหม่ๆให้ท่านได้อ่านกันเลย แรกทีเดียวก็คิดว่าเมื่อไม่มีเรื่องราวใหม่ๆมาให้ติดตามกัน ท่านๆก็คงเบื่อหน่าย แถมอาจมีด่าอีกต่างหาก แล้วก็คงจะค่อยๆเลิกลา ไม่คลิ๊กเข้ามาดูอีก ผู้เข้าชมก็คงลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนไม่มีคนเข้ามาอ่านโดยปริยาย และทางสหภาพฯและทางสหกรณ์ฯที่กรุณาทำลิ้งค์ไว้ให้ก็คงจะถอดลิ้งค์ออกไป

       หลังจากที่ขมรมผู้เกษียณของ สอฟ. คือ ชสอฟ. ได้เปิดประชุมใหญ่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ต้นปีนี้ และในปีนี้เป็นปีที่จะต้องมีการคัดสรรกรรมการชุดใหม่ โดยมีกติกาใหม่ว่า ให้เลือกประธานคนเดียว หลังจากนั้นประธานจะเป็นผู้เลือกทีมงานอีกที เพื่อเป็นเอกภาพในการทำงานของชมรมฯ ซึ่งก็คงทราบในภายหลังแล้วว่าคุณบุญเลิศ เด่นดี ได้รับความเห็นชอบให้ทำหน้าที่ประธานชมรมฯในครั้งนี้

        ผมเคยคิดไว้ในใจแล้วเมื่อคราวที่คุณวิเชียร ปั้นศรี อดีตประธานชมรมฯ มาทาบทามชักชวนให้เข้าไปร่วมงานด้วยกัน  ก็คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราอาจจะทำประโยชน์ให้ชมรมฯได้บ้าง เพราะเราก็คิดอะไรไว้เยอะ และคิดว่าถ้าหากมีโอกาส ก็จะขอทำงานนี้ไม่เกินสองสมัย  เพราะคิดแล้วว่าสองสมัย 4 ปี คงจะเพียงพอที่เราจะทุ่มเทสมองได้หมดแล้ว หลังจากนั้นคิดว่าพลังต่างๆมันคงจะอ่อนเปลี้ยไปพอสมควร เวลาที่เหลือก็ขอพักผ่อน ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา อะไรถูก อะไรผิด อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ขอปล่อยตัวไปตามกาลเวลาที่เลื่อนไหล และก็สุขภาพจะเอื้ออำนวย  เท่าที่ทราบมาว่าอายุเฉลี่ยของผู้ชายก็ประมาณ 70 ปี ถ้าเป็นไปตามเฉลี่ยผมก็เหลืออีกไม่ถึง 4 ปีแล้ว ก็หวังว่าเพื่อนๆที่รีบไปก่อนเจ็ดสิบ จะทิ้งส่วนเฉลี่ยที่เหลือไว้ให้กันบ้าง ก็จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง

        ดังนั้น ในการคัดสรรบุคคลเข้าเป็นกรรมการในครั้งนี้ ผมจึงแจ้งให้ท่านๆที่เป็นผู้ใหญ่ในชมรมฯทราบว่าผมขอสละสิทธื์ จะได้ไม่ต้องลำบากใจในการคัดเลือกกรรมการชุดใหม่ ก็บอกเพียงว่าสุขภาพไม่ค่อยดี แต่ในใจก็คิดว่าเป็นมาสองสมัยแล้ว เป็นต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์ ความคิดต่างๆก็ปล่อยไปหมดแล้วก็ได้แค่นั้น อีกประการก็คือเป็นมารยาทเพื่อเปิดโอกาสให้ประธานคนใหม่ได้มีสิทธิ์เลือกคนที่ต้องการโดยไม่ตะขิดตะขวงใจถ้าเขาไม่อยากเลือกเรา(จริงๆก็กลัวเขาจะไม่เลือกเราเหมือนกัน กลัวเสียหน้าเลยรีบสละสิทธิ์เสียก่อน)

       จากวันนั้น ผมก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับชมรมฯอีกต่อไป (เขาก็คงไม่ไห้ยุ่งหรอก) และก็ไม่ได้เข้าไปที่สหกรณ์บ่อยนักนอกจากไปทำธุระเรื่องเงิน

       การหลุดจากวงจรต่างๆ เราก็เหมือนถูกตัดออกจากสังคม เมื่อไม่ได้พบปะพูดคุยกับใคร ผมจึงไม่ได้รับทราบข่าวสารใดๆในองค์กรที่เกี่ยวกับพวกเรา นี่คือสาเหตุที่ผมต้องหยุดเขียนบล็อกนี้ไปเสียนาน อีกประการหนึ่งก็คือสุขภาพไม่ค่อยดี ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ โรคประจำตัวก็ยังอยู่ โรคใหม่ก็แวะมาเยี่ยมเยียนกันบ้างบางครั้งบางคราว มันคงเป็นไปตามกาลเวลานั่นแหละ เพราะมันใกล้เกณฑ์เฉลี่ยเข้ามาทุกที




        เมื่อไม่มีข่าวไม่มีเรื่องที่จะเขียน และก็มีอารมณ์ต่างๆแปรปรวนไปตามภาษาคนแก่ เดี๋ยวอยากเดี๋ยวเบื่อ เดี๋ยวมีความสุข เดี๋ยวมีความทุกข์  เดี๋ยวอยากจะพูด เดี๋ยวอยากจะเงียบ....เมื่อคิดดูแล้ว การเงียบเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าเราควบคุมคำพูดเราไม่ได้ เราไม่มีโอกาสที่จะถอนคำพูด(เหมือนในสภาฯ)ได้ แล้วความเสียหายมันจะเกิดแก่ตัวเราเอง ก็เลยเลือกเอา "เงียบ" ไว้ดีกว่า

        แต่ก็อดไม่ได้เมื่อเดือนกันยาฯย่างเข้ามา ใจก็นึกถึงว่าเวลามันช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน เผลอแป๊บเดียวก็จะมีผู้เกษียณออกมาอีกรุ่นแล้ว 

        ทุกครั้งที่ถึงวันใกล้เกษียณ ผมก็มักจะใช้โอกาสนี้ทักทายต้อนรับผู้เกษียณที่บล็อกนี้เป็นประจำ ถึงแม้อาจจะมีผู้เกษียณเข้ามาอ่านเพียงไม่กี่ท่านก็ตาม

       เมื่อมาถึงเดือนนี้ ผมจึงทนไม่ได้ ทั้งๆที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เข้ามาดูบล็อกนี้ คือจะปล่อยให้มันแห้งตายไปเอง จึงเมื่อ 2-3วันมานี้ ลองคลิ๊กเข้ามาดูก็ต้องแปลกใจที่มีสถิติการเข้าดูมาอย่างต่อเนื่อง เราก็คิดว่าเมื่อมีคนเข้ามาดู แล้วเราไม่เขียน เขาจะว่าอย่างไร เหมือนที่เราไปดูของคนอื่นแล้วเขาไม่อัพเดทเลย เราก็คงจะตำหนิเขา บ่อยเข้าก็ไม่แวะไปอีกเลย

        ถึงแม้จะไม่มีตำแหน่งแห่งหนอะไร และก็ไม่มีโอกาสไปพบกับท่าน ก็ขอแสดงความยินดีต้อนรับผู้เกษียณทุกท่านที่หน้าบล็อกนี้ก็แล้วกัน ขอให้ทุกท่านจงใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีสติ ในสถานการณ์เหตุการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน การใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเป็นสิ่งที่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่งครับ ขอให้ทุกท่านจงโชคดีและมีความสุขหลังเกษียณ และขอรวมทั้งท่านจากภายนอกที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้ทุกท่านด้วยครับ....

       สำหรับท่านๆที่กรุณาเข้ามาอ่านที่บล็อกนี้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน กฟน. อดีตพนักงาน กฟน. และท่านผู้อ่านทั่วๆไป (ที่ผมทราบว่ามีผู้อ่านทั่วไปด้วย ก็เนื่องจากมีการติดต่อพูดคุยกันเข้ามาบ้าง) ผมขอแจ้งไว้ ณ ที่นี้ว่า ต่อไปนี้ข้อเขียนต่างๆของผมคงเป็นเรื่องทั่วๆไป ที่ผู้อ่านทั่วไปอ่านกันได้ คงไม่มีข่าวคราวในวงการของพวกเรา(ผู้เกษียณ กฟน.)อีกต่อไป(เนื่องจากไม่มีข้อมูล) ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะคุยเรื่องอะไรดี เค้าว่าคนแก่มีประสบการณ์เยอะ ถ้าจะเอามาเล่ากันก็คงอ่านกันไม่หวัดไม่ไหว แต่มันเกรงว่าไอ้ประสบการณ์ที่จะเล่านี่มันมีผู้อื่นเกี่ยวข้องด้วยซี มันอาจจะไม่เหมาะ

        แล้วค่อยพบกันครับ ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วย คิดว่าอาทิตย์ละครั้งก่อนก็แล้วกัน

        ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ สวัสดีครับ


*************