เวลาที่เลยผ่าน



เวลาที่เลยผ่าน



เมื่อวันเสาร์ที่ 11 มกราคม เป็นวันเด็ก
เมื่อวานวันอาทิตย์ที่ 12 ได้รับข่าวที่ไม่ดีจากพี่ชายว่าตรวจพบเนื้อร้าย
วันนี้ วันที่ 13 มกราคม เป็นวันที่ "กปปส" นัดปิดกรุงเทพฯ เพื่อกดดันรัฐบาลรักษาการ
...............

ในแต่ละวัน ชีวิตของเราจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีเรื่องที่มีความสุข เรื่องที่มีความทุกข์ เรื่องที่มีความตื่นเต้น ฯลฯ  สิ่งเหล่านี้มันมีปฏิกิริยาต่อร่างกายและจิตใจของเรา โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ถ้าหากเรามีความสุขได้หัวเราะ ได้ยิ้มแย้มแจ่มใส ร่างกายเราก็ดูจะสดชื่นกระชุ่มกระชวย ดูเหมือนร่างกายจะแข็งแรงขึ้น สังเกตุดูพี่ๆเพี่อนๆที่อารมณ์ดี ไม่ค่อยเครียด ดูจะไม่ค่อยแก่และมีอายุยืน  ส่วนคนที่มีแต่ความทุกข์  อารมณ์เคร่งเครียดตลอดเวลา หน้าตาอมทุกข์ ร่างกายก็ดูจะทรุดโทรมเจ็บไข้ได้ป่วยได้ง่าย ร่างกายขาดภูมิคุ้มกัน จึงเห็นได้ว่า "อารมณ์" เป็นตัวกำหนดสุขภาพได้ส่วนหนึ่ง

ยิ้มกันไว้เถิด


เมื่อวันเสาร์ วันเด็ก เราก็นั่งดูพ่อแม่พาเด็กเล็กๆไปเที่ยว ส่วนเด็กโตหน่อยก็ไปกันเอง ดูแล้วก็มีความสุขดี นึกถึงสมัยเด็กๆที่พอจำได้สมัยนั้นก็มีที่เที่ยวไม่กี่ที่ ที่นิยมที่สุดก็ไม่พ้น "เขาดิน" ชวนเพื่อนๆบ้านใกล้ๆกันนั่งรถเมล์ไปด้วยกัน เข้าไปดูสัตว์และรับของแจกจนทั่วแล้วก็เข้าไปดูพระที่นั่งอนันต์ฯต่อ จำได้ว่าสวยงามมาก ก็รู้สึกว่าจะเที่ยวอย่างนี้อยู่ทุกปี พอโตหน่อยก็เลิกเที่ยววันเด็ก  สมัยนั้นไม่ทราบว่าเขามีเปิดให้นั่ง "เก้าอี้นายกฯ" หรือเปล่า เพราะไม่แว่วเข้าหู และสมัยรุ่นผมเป็นเด็ก เป็นยุคของ "เผด็จการทหาร" ครองเมืองตลอด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของคณะปฏิวัติ หรือรัฐบาลทหาร ตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ จอมพลถนอม-ประภาส เรื่อยมา...ความคิดตอนนั้นคงไม่มีความคิดให้เด็กมานั่งเก้าอี้นายกฯเพื่อวาดฝันจะเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตหรอก  เพราะตำแหน่งนายกฯเขาผูกขาดไว้เฉพาะผู้ที่จบจากโรงเรียนนายร้อย จ.ป.ร.เท่านั้น ใครที่ "ไม่ใช่" ก็จะเป็นอยู่ได้ไม่นาน  และต้องขอแสดงความเสียใจกับเด็กๆที่ปรารถนาที่จะลองไปนั่งเก้าอี้นายกฯในปีนี้ ที่ต้องพลาดไปเนื่องจากไม่สามารถเปิดทำเนียบได้  แต่อย่าเสียใจไปเลยครับหนูๆทั้งหลาย  ไอ้เก้าอี้ตัวนี้น่ะมันเป็นทุกขลาภ ใครลองได้นั่งแล้วมักจะไม่มีความสุขหรอก อย่าไปนั่งมันเลย ปล่อยให้ไอ้พวกแก่ๆมันแย่งกันไปเถอะ

เมื่อเวลามันผ่านไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับ เมื่อเราคิดถึงวัยเด็ก จนเราเติบโตขึ้นมา มีลูก มีหลาน ความประทับใจต่างๆมันก็ผ่านไป นานเข้ามันก็เลือนลางไปบ้างตามอายุ แต่ก็พยายามนึกฝันถึงความสุขเมื่อยามนั้น คิดว่าถ้าย้อนกลับไปได้เราจะพยายามเก็บความสุขนั้นไว้ให้มากที่สุด  แต่โอกาสเหล่านั้นมันได้ผ่านเลยไปอย่างไม่มีวันหวนคืนได้อีก 

เมื่อผมได้พบรูปจากเฟซบุ๊ก "เข็นเด็กขึ้นภูเขา" มีข้อความที่ประทับใจ จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อตามภาพข้างบน ในภาพบรรยายไว้ทำนองว่า "คุณจะไม่ได้เห็นวันนี้กับลูกของคุณอีกแล้ว เพราะพอวันพรุ่งนี้ เขาก็จะโตขึันอีกนิด จงจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ประทับใจของหนูน้อยในวันนี้ไว้ก่อนที่จะเปลี่ยนไปในวันพรุ่งนี้" ใครที่มีลูกในวัยน่ารักในวันนี้ จงพยายามเก็บความประทับใจจากลูกรักไว้ให้มากที่สุด เพราะมันจะไม่ย้อนหลังกลับมาได้อีก


ความประทับใจที่มิอาจหวนคืน


********

และเมื่อวันวานก็ได้ข่าวไม่ดีจากพี่ชายว่าได้ตรวจพบเนื้อร้าย
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตของเราที่จะต้องพบกับความทุกข์ที่จะต้องพบกับความพลัดพราก ไม่ช้าก็เร็ว เมื่อมีอายุมากขึ้น ความเจ็บป่วย อันเนื่องมาจากความเสื่อมความเปลี่ยนแปลงของอวัยวะในร่างกายของคนเราอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันหนึ่งก็คงมาถึงเราสักวัน  จากการเจริญเติบโตมาด้วยกัน ถึงเวลาหนึ่งก็ต้องดับสิ้นตามๆกันไป  แล้วก็เป็นชีวิตของรุ่นลูกรุ่นหลานที่จะดำเนินต่อไป

หากมีโอกาสได้ไปนั่งริมคลองหรือริมลำธารที่มีน้ำไหล  ผมชอบนั่งดูสายน้ำที่มันไหลล่องไปตามลำน้ำ ในน้ำจะมีใบไม้ใบหญ้า มีปลาตัวเล็กๆลอยผ่านหน้าไป ภาพการเคลื่อนไหวเหล่านี้จะดูไม่มีเบื่อ เนื่องจากทุกภาพจะไม่มีซ้ำกันเลย แม้แต่กระแสน้ำที่บิดตัวไหลเวียนไปมาตามคลื่นลม 

ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน มันมีแต่เดินหน้าไปตามกาลเวลา ไม่มีโอกาสที่จะถอยหลังมาแก้ตัวใหม่ได้อีก เพราะฉะนั้นจงทำให้ดีที่สุดในวันนี้ แล้วในวันข้างหน้าเราจะได้ไม่เสียใจว่าไม่ควรทำอย่างนั้นอย่างนี้เลย กระแสน้ำที่ไหลไปก่อนจากนั้นก็มีกระแสน้ำที่ไหลต่อเนื่องตามกันไป





เรื่องการเมือง ก็เป้นอีกเรื่องที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจอันมีผลกระทบต่อค่าครองชีพ ข้าวของเครื่องใช้ อาหารการกินแพงขึ้น หรือนโยบายที่เกี่ยวกับสวัสดิภาพสวัสดิการ การสาธารณสุชเหล่านี้เป็นต้น  โดยเฉพาะผู้เกษียณอายุที่ต้องพึ่งพาสวัสดิการหรือราคาสิ่งของอุปโภคบริโภคที่พอรับได้

การเมืองระยะนี้ก็มีความร้อนแรง มีกระแสการเปลี่ยนแปลงสูงซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปในวันข้างหน้า  วันนี้ก็เป็นวันแรกที่ "กำนันสุเทพ" จะ Shutdown กรุงเทพฯ ในฐานะผู้ชราผู้หนึ่งก็หวังว่าจะไม่เกิดความสูญเสียไม่ว่ากับฝ่ายใดทั้งสิ้น  และในฐานะคนรู้จักกันก็ขอเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้คุณคมสันต์ ทองศิริ รองประธานสหภาพแรงงาน ก.ฟ.น.และเลขาธิการ ส.ร.ส. ที่งานนี้เปิดหน้าเล่นเต็มที่....

ระยะเวลานี้บ้านเมืองมันวุ่นวาย ต้องติดตามข่าวสารบ้านเมืองเลยทิ้งช่วงในการเขียนนานไปหน่อย ขออภัยด้วยครับ สุดท้ายขออนุญาตคัดลอกข้อความในเฟซบุ๊คของ "เข็นเด็กขึ้นภูเขา" (อีกที) ซึ่งคุณหมอ (admin)เขียนอวยพรเมื่อวันปีใหม่ มาลงต่อท้ายไว้ดังนี้ครับ




อาจารย์ ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เคยพูดไว้ว่า

ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่ธรรมชาติลำเอียงที่สุด

ปลาในทะเลไทยมีมากกว่าพันธุ์ปลาในอเมริการวมกันเป็นพันชนิด

นกในประเทศเรามีมากกว่านกทั้งประเทศยุโรปรวมกันเสียอีก

ประเทศที่หาได้ที่ไหน ที่จะมีทั้งทะเลที่สวยสุดยอด ทั้งภูเขา ป่า เกาะที่สวยติดอันดับหนึ่งในห้าของโลก

แถมใต้ฝุ่นก็น้อย แผ่นดินไหวใหญ่ๆก็ไม่เคยมีเหมือนประเทศอื่นๆ
............

(คุณหมอ)อยากแถมอีกนิดว่า
ประเทศเรามีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุดในโลก
ประเทศเราไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของใคร มีประวัติศาสตร์ยาวนาน วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม

หมอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินนี้
และอยากจะบอกทุกคนว่า เด็กและเยาวชนของไทยเรา มีแผ่นดินไทยที่ให้อาศัยอยู่ เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะช่วยรักษาและดูแลประเทศเราให้เป็นแผ่นดินที่ลูกหลานของเราจะอยู่ต่อไปตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน....

จบของคุณหมอแล้วครับ...ซึ่งผมก็อยากแถมอีกสักนิดเหมือนอย่างที่อ่านจากที่อื่นๆมาว่า "เมืองไทยนั้นอะไรๆทุกสิ่งทุกอย่างดีหมด ยกเว้นคน(โดยเฉพาะนักการเมือง)"

วันนี้ก็ขอเอาเรื่องเกี่ยวกับเด็กมาปนกับเรื่องการปิดกรุงเทพฯ  เพราะการปิดกรุงเทพครั้งนี้ ถ้าได้ผลและมีการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปได้ตามคำมั่นของ กปปส. มันก็น่าจะมีผลต่ออนาคตของเด็กในวันข้างหน้าอย่างใหญ่หลวง  สำหรับ "ไม้ใกล้ฝั่ง" อย่างพวกกระผม อีกไม่ช้าไม่นานก็คงอำลาโลกนี้ไปแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น ไม่ต่อสู้แย่งชิงกอบโกยกันเช่นทุกวันนี้ก็เป็นสุขแล้ว




อย่าแย่งกันกอบโกยกันมากนะครับ เหลือไว้ให้รุ่นผมบ้าง



*****************

ส.ค.ส.พระราชทาน









ส.ค.ส. พระราชทาน
**********
*******
    

           "บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี มาอวยพรแก่ท่านทุกๆคน ให้มีความสุข ความเจริญ และความสำเร็จสมประสงค์ในสิ่งที่ปรารถนา ความปรารถนาของทุกคน คงไม่แตกต่างกันนัก คือต้องการให้ตนเองมีความสุขความเจริญ และให้บ้านเมืองมีความสงบ ร่มเย็น ในปีใหม่นี้ จึงขอให้ท่านทั้งหลายรักษาสุขภาพกาย สุขภาพจิต ให้สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มกำลัง ข้อสำคัญจะคิดจะทำสิ่งใด ให้นึกถึงส่วนรวมและความเป็นไทยไว้เสมอ งานของตนและงานของชาติ จะได้ดำเนินก้าวหน้าไปโดยถูกต้อง เที่ยงตรง ไม่ติดขัด และบรรลุถึงประโยชน์ เป็นความสุขความเจริญและความสงบร่มเย็น ดังที่ทุกคนตั้งใจปรารถนา ขออานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย ให้มีความสุขกาย สุขใจ ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

          พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2557 วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2556

***

ขอจงทรงพระเจริญ
*********
******
***


**************