เรามีเวลาจำกัด
@@@@@
วันนี้เป็นวันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2556
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี ซึ่งก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาว่าจะต้องมีงานเลี้ยง งานรื่นเริง งานส่งท้ายปีเก่า เพื่อเป็นการต้อนรับปีใหม่ซึ่งจะนับเวลาตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันนี้เป็นต้นไป
เมือสมัยเป็นวัยหนุ่มวัยสาว เมื่อถึงวันนี้ทีไรก็ดูจะคึกคัก เตรียมเนื้อเตรียมตัว จัดเตรียมโปรแกรม แผนกินแผนเที่ยวกันวุ่นวาย ไม่ว่าจะที่ทำงาน เพื่อนๆ ครอบครัว ต้องไม่ให้ตกหล่น เหล้ายาปลาปิ้งกินกันจนเบลอไปหลายวันกันทีเดียว
แต่...เมื่อถึงวันที่ก้าวเข้าสู่ตำแหน่ง ส.ว. หรือผู้สูงวัย... วันสุดท้ายของปี ก็คือวันสุดท้ายที่เราจะบอกอายุใครๆในตัวเลขเดิมของเรา เพราะในวันรุ่งขึ้น อายุของเราก็ต้องบวกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี ถ้าจะใช้วิธีนับง่ายๆจากการนับปี พ.ศ.
ถ้าถือตามอัตราเฉลี่ยอายุของคนไทย ผู้ชายก็เฉลี่ยประมาณ 70 ปี ส่วนผู้หญิงเฉลี่ยประมาณ 75 ปี หรืออาจสูงกว่านั้นเฉพาะบุคคลพิเศษ เรียกว่าประเภท "ตายยาก" ว่างั้นเถอะ
ดังนั้น เมื่อถึงเวลาสิ้นปีทีไร เปลี่ยน พ.ศ.ใหม่ วัยเราก็จะเข้าใกล้อัตราเฉลี่ยเข้าไปทุกที จึงเมื่อถึงบั้นปลายชีวิตแล้ว วันปีใหม่มันจึงไม่ "สุขสันต์" เหมือนวัยหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยเติบโตเจริญก้าวหน้าขึ้นทั้งชีวิตและการงาน ในวัยเช่นเราก็คงได้แต่นั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมา อะไรผิดอะไรถูกก็มาเห็นกันในวัยนี้แหละ เราตัดสินใจอะไรพลาดไปบ้าง ถ้าในอดีตเราดำเนินชีวิตถูกต้อง วันนี้เราก็คงจะได้รับผลแห่งการกระทำในทางที่ดี ถ้าเราผิดพลาดในอดีต ผลนั้นก็คงตกมาถึงเราในวัยนี้เช่นกัน
หากเรามานั่งทบทวนชีวิตของแต่ละคน ไล่เรียงเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่เป็นเด็ก เริ่มเข้าโรงเรียน เรียนจบ ทำงาน มีครอบครัวมีลูก พ่อแม่เราลาจากไป ลูกมีครอบครัวแยกบ้านไปสร้างครอบครัวใหม่ เราปลดเกษียณอยู่บ้านสองคนสามีภรรยา....รอวันที่จะมาถึง
จะเห็นว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาของชีวิตเราช่างสั้นนิดเดียวเท่านั้นเอง เผลอแผล็บเดียวแก่เสียแล้วทั้งๆที่ยังอยากทำอะไรอีกเยอะแยะ
...........................
วันนี้จึงมีหนังสือมาฝาก เขียนโดยท่าน ว.วชิรเมธี ชื่อหนังสือว่า "เรามีเวลาจำกัด" เขียนถึง "ผู้เปลี่ยนโลก" สตีฟ จอบส์
ลองคิดดูว่าคนที่รู้วันตายของตัวเองจะรู้สึกอย่างไร จะทำตัวอย่างไร คนระดับมีเงินเป็นพันล้านก็ไม่สามารถสู้กับความป่วยไข้ได้ เขามีงาน มีครอบครัวที่ดูแลรับผิดชอบ แต่ต้องมาเสียชีวิตก่อนวัยที่ควรจะเป็น
พวกเราผู้สูงวัยทั้งหลายก็ต่างรอวันที่จะมาถึงเช่นสตีฟ จอบส์เหมือนกัน แต่เราอาจจะช้าหรือเร็วกว่าสตีฟ จอบส์ แตกต่างกันไป แต่ที่แน่นอนมันต้องมาถึงเข้าสักวันอย่างแน่นอน เพราะเราต่าง "มีเวลาจำกัด"
อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะมีคนพูดว่าในวันดีๆอย่างนี้เอาเรื่องความตายมาพูด ไม่เป็นมงคลกันเลย แต่ผมขอบอกว่าเรื่องความตายนี่แหละ ถ้าเราเตรียมตัวไว้ดีก็จะไม่ต้องมีทุกข์มีห่วงกังวลใดๆ เราจะจากไปอย่างสงบ อย่างเช่นผมเคยอ่านที่ท่านพุทธทาสท่านตรัสสอนให้คนเราทุกคนต้องรู้จักการ "เตรียมตัวตาย" กันไว้ ผมก็ไม่ค่อยถนัดนักเรื่องธรรมะธรรมโม จึงไม่สามารถจำมาพูดได้ครบถ้วน
ในเมื่อ "เรามีเวลาจำกัด"
ในวันสิ้นปีนี้จึงอยากให้เราทบทวนชีวิตที่ผ่านมา เรายังอยากทำอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีก ถ้ามีโอกาสทำได้ก็รีบทำเสีย (ยกเว้นพวกอยากมีเมียน้อย) และก็ฝากมายังคนหนุ่มคนสาวว่าชีวิตนี้มันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และมันไม่มีโอกาสถอยหลังมาให้เราแก้ตัวได้อีก จงทำสิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์ในชีวิตให้มากที่สุด แล้วผลพวงของมันจะอยู่กับเราตลอดชีวิต ดังที่สตีฟ จอบส์ได้กล่าวไว้ว่า
"หากคุณใช้ชีวิตแต่ละวันเหมือนกับเป็น วันสุดท้ายของชีวิต วันหนึ่งคุณจะพบว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกต้อง"
............
ขอให้มีความสุขในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทุกท่านนะครับ
*******************
No Response to "เรามีเวลาจำกัด"
แสดงความคิดเห็น