COUNT DOWN 1



เผลอแป๊บเดียว ท่านที่เกษียณไปเมื่อเดิอนกันยาที่ผ่านมาก็ไม่ได้รับเงินเดีอนมาสามเดิอนแล้ว  ไม่รู้ว่าบางคนจะมีใครเชิญไปร่วนฉลองวันสิ้นปีที่ทำงานกันบ้างหรือไม่  ปีแรกยังอาจมีพรรคพวกเพื่อนร่วมงานเชิญไปบ้าง  แต่ปีต่อๆไปก็คงจะลางเลือนกันไป  เป็นเรื่องธรรมดาครับ เมื่อถอดหัวโขน ไม่มีสิทธิ์ให้คุณให้โทษใคร หรือที่เป็นลูกน้องเขา ก็ไม่มีใครมามอบงานให้ทำอีกแล้ว  ผ่านมาสามเดือนแล้วคงจะชินๆบ้างแล้วนะ
.
เมื่อยังเป็นเด็กจนกระทั่งวัยรุ่น เรื่อยมาจนถึงวัยเริ่มจะแก่(แต่ยังคึก)  รู้สึกว่าวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ดูจะคึกคักกระชุ่มกระชวยเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าจะเป็นวันปลดปล่อยอะไรๆที่มันผ่านมาให้มันผ่านไป โดยเฉพาะอะไรที่มันไม่ดี ถึงแม้มันไม่ได้หมดไปจริงๆ แต่ก็คิดว่ามันคงจะหมดไปบ้างตามคำอวยพรที่ได้รับ สำหรับคนที่ทำงานก็จะได้วันหยุดเพิ่มอีก 2 วัน ถ้าไปติดกับวันเสาร์อาทิตย์ก็จะได้หยุดยาวเป็น  4 วัน บางคนอาจขอแถมวันหัวท้ายเข้าไปด้วย ทั้งเที่ยวทั้งกินกันให้ฉ่ำ แต่ก็ให้อย่ามีชื่อไปอยู่ในตัวเลขสถิติ 7 วันอันตรายก็แล้วกัน
.
ผมอยู่ในวัยที่ห่างเหินการฉลองวันขึ้นปีใหม่มาค่อนข้างจะนานพอสมควร  ทุกปีก็คงจะนั่งอยู่หน้าจอทีวี ดูการถ่ายทอดจากสถานที่ต่างๆ  จนเมื่อใกล้เวลา เขาก็จะนับถอยหลัง เมื่อสิ้นสุดวันเก่าเริ่มเข้าสู่วันใหม่ ก็จะมีการจุดพลุสว่างไสว จากนั้นก็จบพิธีผู้คนต่างๆก็ดำเนินไปตามอัธยาศัย ในกรุงเทพมักจะไปกันที่ราชประสงค์ ที่กล่าวกันว่าเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพ
.
ปัจจุบันนี้ได้ยินคำว่า Land Mark จนคุ้นหู ผมจำไม่ได้ว่าเมืองไทยมาเริ่มใช้คำนี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่  สมัยเด็กๆผมว่าผมไม่เคยได้ยิน  คงจะตามอย่างมาจากต่างประเทศที่เขามีมานานจนทั่วโลกรู้กัน  แต่ในไทยแลนด์นี่ดูเหมือนยังไม่ลงตัว จึงมีสถานที่แต่ละแห่งพยายามแข่งกันและพยายามให้ที่ของตนเป็นแลนดด์มาร์ค เพราะถ้าสถานที่ไหนได้เป็นแลนด์มาร์ค ธุรกิจตรงนั้นมันคงรุ่งเรืองแน่ๆ
.
เอาที่แน่ๆ ในยุคสมัยที่ผมเป็นวัยรุ่น แลนด์มาร์คที่ชัวร์แน่ๆ ไม่มีใครแย่งได้ ผมว่าคือสนามหลวงนี่แหละ ตั้งแต่จำความได้จนเติบโตมีลูกเมีย ก็วนเวียนอยู่ที่นี่แหละ จนกระทั่งย้ายร้านค้าไปอยู่สวนจตุจักร
.
ผมแอบไปหัดขี่จักรยานเป็นก็ที่สนามหลวงนี่แหละ เช่าจักรยานขี่จนตังที่แม่ให้มาหมด เหงื่อแตกโซกท่วมตัวก็เดินไปที่คลองหลอดตรงที่เป็นถนนทางขึ้นสะพานพระปิ่นกล้าในปัจจุบันนี่แหละ  สมัยนั้นน้ำยังใสสอาดไม่ดำสกปรกเหมือนปัจจุบันนี้ ไปถึงริมคลองก็แก้ผ้าถอดเสื้อถอดกางเกงกองไว้ที่พื้นหญ้าริมคลองนั่นแหละ เด็กๆสมัยนั้นสิบกว่าขวบก็ยังแก้ผ้าอาบน้ำกันอยู่เลย  ใครอายหน่อยก็เอามือปิดไว้แล้วรีบโดดลงน้ำไปเลย เล่นจนเบื่อ เมื่อขึ้นจากคลองได้ก็รีบคว้ากางเกงมาใส่ก่อนทั้งที่ตัวเปียกๆนั่นแหละ  ไม่ใช่ว่ามีแต่ผมคนเดียวนะครับที่ไปเล่นน้ำคลองอยู่ตรงนั้น ถ้าเล่นคนเดียวคงไม่กล้า แต่บริเวณนั้นมีเด็กรุ่นๆผมหรือใกล้เคียง เล่นน้ำกระจัดกระจายอยู่เป็นร้อย มันเป็นสวนสนุกที่ไม่เสียตังของพวกเรา  เทียบได้กับ "สวนสยาม" ในสมัยต่อมาได้เลย
.
เมื่อโตขึ้นมาหน่อย เริ่มชอบอ่านหนังสือ ก็ไปเดินตามซุ้มหนังสือที่สนามหลวงนี่แหละ มีหนังสือเก่าราคาถูกมากมาย เด็กๆยังใช้เงินพ่อแม่อยู่ เราก็เจึยดเก็บค่าขนมที่แม่ให้มา พอเก็บได้พอสมควรก็โหนรถเมล์ไปสนามหลวง แต่กว่าจะซื้อได้ก็เดินดูเสียชุ่มเลย ตังมีน้อยต้องเลือกเล่มที่ชอบจริงๆ  เมื่อเดินจนพอใจแล้ว ก่อนกลับก็แวะดูโชว์เสียหน่อย โชว์คลาสสิก "พังพอนกัดกับงูเห่า" ใครอยากรู้การเล่นกลสนามหลวงเป็นอย่างไร ต้องไปฟังเพลงของ "สีเผือก คนด่านเกวียน" ผมไม่รู้ว่าชื่อเพลงอะไร แต่คนรุ่นผมฟังแล้ว มันเหมือนไปยืนล้อมวงดูอยู่ที่สนามหลวงเลยทีเดียว
.
เล่าไปแล้วชักจะยาว ขอเล่าเกร็ดบริเวณซุ้มหนังสือที่อยู่บริเวณฝั่งศาล ผมเคยตกใจอยู่สองครั้ง ครั้งแรก เมื่อเดินๆอยู่ คิดว่าจะดูซุ้มไหนดี จู่ๆก็มีผู้ใหย่คนหนึ่งเดินเข้มมาประชิดตัว ผมก็สะดุ้งหยุดเดินถอยตัวออกมาให้ห่างชายผู้นั้น ทันใดนั้นเขาก็ยื่นหนังสือเล่มเล็กๆมาให้ผมดู พร้อมอวดอ้างสรรพคุณและบอกราคา  หนังสือนั้นไม่มีรูปใดๆบนหน้าปก มีแต่กระดาษขาวเท่านั้น ผมตอบปฏิเสธไป ชายคนนั้นดูท่าทางหงุดหงิดและเดินจากไป  ผมมารู้ภายหลังว่าหนังสือนั้นเขาเรียกกันว่าหนังสือ "ปกขาว" ที่วัยรุ่นสมัยนั้นชอบอ่านกัน แสดงว่าหน้าตาผมเริ่มเป็นวัยรุ่นแล้ว
.
อีกครั้งที่ผมตกใจ คือที่ห้องน้ำบริเวณซุ้มหนังสือ ที่ทำเป็นซุ้มปูนกลมๆ ภายในเป็นโถปัสสาวะเรียงรายอยู่โดยรอบ ระหว่างที่ผมเข้าไปปัสสาวะ กำลังมีความสุขกับการปล่อยความทุกข์ออกจากร่างกาย กำลังเหม่อมองไปที่เพดานห้องน้ำ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก กำลังก้มหน้าลงเพื่อเก็บเครื่องมือก็ต้องสดุ้ง เพราะมีหัวใครไม่รู้มันขะโงกเข้ามาบังเครื่องมือของผม ผมตกใจร้องเฮ้ย มันจึงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม แล้วก็เดินจากไป อย่าคิดว่ากระเทยสมัยนั้นมันจะสวยเหมือนสมัยนี้นะครับ หน้าตากระเทยสมัยนั้นบางคนอาจทำให้คุณหลอนได้  สรุปว่าคนเดินดูหนังสือบริเวณนั้นมีสิ่งน่ารำคาญอยู่ 2 อย่างคือพวกมาตื๊อขายหนังสือปกขาว  สองพวกกระเทยที่เร่อยู่ตามห้องน้ำคอยรบกวนแอบดูคนหนุ่มๆหล่อๆ (อย่างผม) คอยจะเข้าไปยืนปัสสาวะโถข้างๆแล้วก็แอบดู คนรุ่นผมคงโดนกันมาบ้างแหละ
COUNT DOWN ตอนนี้จบไม่ลง มันจะยาวไป ผู้อาวุโสจะง่วงเสียก่อน  คนเขียนก็ง่วงเหมือนกัน ขอไปต่อคราวหน้านะครับ
.
สวัสดีปีใหม่
ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญนะครับ
มีสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วย

5 มกราคม 2562
.
.........
ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
เจ้าหนูผู้มีความสุข