สายป่าน

ลูกผู้ชายทุกคน จะมีใครสักกี่คนที่ไม่เคยเล่นว่าวเลยบ้างมั้ยเนี่ย  เล่นว่าวจริงๆนะครับ ว่าวที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้ากลางอากาศนี่แหละ ไม่ใช่ว่าวที่หลายคนเข้าใจนะครับ  ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนบัญญัติศัพท์การกระทำอัตวิบากกรรมของผู้ชายไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ว่า "ชักว่าว" บุคคลผู้นี้คงมีจินตนาการเป็นเลิศจริงๆ เพราะถ้าท่านเห็นท่าทางของคนชักว่าว (ว่าวจริง) ท่านจะจินตนาการเห็นภาพเลย
.
อย่างว่าแหละครับ เด็กรุ่นผมนั้นมันรุ่นโลเทค แค่มีทีวีดูก็ดีใจตายแล้ว บ้านใครไม่มีดูก็ต้องไปรอชะเงื้อดูตามร้านค้าร้านกาแฟ บางบ้านเขาใจดี เขาก็มักจะตั้งทีวีเอียงหันมาทางประตูบ้าน เวลาครอบครัวเขาดูกัน เราก็จะไปยืนมุงๆกันแถวหน้าประตู อาศัยดูด้วย(หลาย)คน
.
ของเล่นของบันเทิงสมัยนั้น ก็มักจะหาเอาใกล้ๆตัวนั่นแหละ หรือบางอย่างก็ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรเลย ก็เล่นกันได้ เช่นตี่จับ ตั้งเต ไม้หึ่ง ขี่ม้าส่งเมือง มอญซ่อนผ้า หมากเก็บ อีตัก ฯลฯ เป็นต้น
.
สำหรับเด็กผู้ชาย กีฬาที่ต้องใช้ฝีมือ ต้องมีทักษะและกำลังในการเล่น เป็นที่โปรดของหลายคนก็คือกีฬาชักว่าวนั่นเอง
.
การเล่นว่าว ก่อนอื่นต้องมีทักษะในการเลือกว่าว (ที่เขาทำขาย) ว่าวต้องมีโครงแข็งแรงน้ำหนักเบาถึงจะชักขึ้นง่าย เคยทำเองเอาไปชักแล้วชักไม่ขึ้น มันคงไม่ได้ส่วนตามตำรา นอกจากว่าวแล้วก็ต้องมีเชือกชัก เรียกว่าสายป่าน สมัยนั้นก็ต้องไปหาด้ายหลอด ที่นิยมกันว่าเหนียวทนทานต้องตราสมอดำ เบอร์อะไรจำไม่ได้แล้ว สำหรับว่าวตัวย่อมๆ ถ้าว่าวตัวใหญ่ก็ต้องไปหาสายป่านที่ใหญ่ขึ้น
.
การเล่นว่าว ต้องหาสถานที่กว้างๆ เช่นที่สนามหลวงเป็นที่นิยมกัน เมื่อถึงฤดูร้อน ลมว่าวมา ก็จะมีเทศกาลว่าว มีการแข่งขันสู้กันระหว่างว่าวจุฬากับว่าวปักเป้า มีการโรมรันพันตูกันอย่างดุเดือด  ที่ผู้ถือสายป่านของแต่ละฝ่ายต้องใช้ทักษะประสบการณ์เอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ ว่าวจุฬาตัวใหญ่ มันหนักจึงต้องมีคนถือสายป่านหลายคน เวลาเขาต่อสู้กัน มันมีทั้งผ่อนสายป่านและสาวสายป่าน ตามเทคนิคการต่อสู้ เวลาเขาจะผ่อนสายป่านเขาจะวิ่งไปข้างหน้า ปล่อยให้ว่าวมันลอยไปตามลม เวลาเขาจะสาวสายป่านให้ว่าวมันสู้ลม เขาก็จะวิ่งไปข้างหลัง การที่คนหลายคนวิ่งไปข้างหน้าบ้างวิ่งไปข้างหลังบ้าง เพื่่อควบคุมว่าวให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ บางทีก็มีหกล้มหกลุก เห็นเป็นที่ชอบใจของพวกเราเด็กๆมาก  เลยไม่ค่อยไปดูทางด้านว่าวปักเป้า ซึ่งตัวเล็กกว่าว่าวจุฬามาก แต่มีหลายตัว เรียกว่าตัวเล็กรุมตัวใหญ่ตัวเดียว  ที่ผมดูๆมาก็เห็นว่าวจุฬาโดนปักเป้ารุมจนหัวปักดินอยู่บ่อยๆ ตอนว่าวจุฬาตกนี่ ต้องคอยวิ่งหนีให้เร็ว ถ้าโดนมีหวังตายได้
.
การชักว่าว มันมีเทคนิคในการสาวสายป่านหรือผ่อนสายป่านนี่แหละ  ต้องให้มันสัมพันธ์กับแรงลมและทิศทางลม ว่าตอนไหนควรผ่อนตอนไหนควรดึง เทคนิคนี้มันมีความสำคัญไปถึงการต่อสู้ของผู้ที่ใช้สายป่านคม
.
ป่านคมคือการเอาด้ายที่เราซื้อมานี่แหละไปทำให้มันคม  วิธีการเราไปหาเศษแก้วที่มันแตกหักมาจำนวนหนึ่ง มาบดมาตำจนมันละเอียดแทบจะเป็นฝุ่น หลังจากนั้นก็เคียวกาวหรือแป้งเปียกจนเป็นเนื้อเดียวกัน ทีนี้ก็ทำพิธืชุบด้ายให้เป็นป่านคม โดยเอาปลายด้ายผูกเสาหรือหลักไว้ อีกมือก็กำด้ายที่แช่อยู่ในกาวรูดสายป่านให้กาวมันติดด้าย เดินพันรอบหลักสองหลัก จนด้ายหมดหลอด  ปล่อยทิ้งไว้จนแห้งสนิทก็นำมาม้วนเตรียมใช้งานได้
.
การใช้เชือกที่เป็นป่านคมนี้ ที่สนามหลวงไม่ค่อยมี เพราะอาจโดนตื้บได้  จะมีก็ตามถิ่นต่างๆ เช่นแถวบ้านเรามีที่ว่างเล็กๆก็จะไปชักว่าวเล่นกัน ในถิ่นใกล้เคียงก็อาจมีคนชักว่าวขึ้นมา ในขณะที่ว่าวโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ตอนนี้แหละจะมีนักก่อกวน มันจะปล่อยว่าวยาวมาทาบว่าวเรา เมื่อสายป่านทาบกัน มันก็จะปล่อยสายมันให้วิ่งรูดสายป่านของเรา เมื่อสายป่านที่มีคมของมันวิ่งรูดสายป่านของเราในตำแหน่งเดิม ประเดี๋ยวเดียวสายป่านของเราก็จะขาด ว่าวของเราก็จะหลุดลอยหายไปในอากาศ  ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องทำสายป่านของเราให้มีความคมด้วยเช่นกัน ใครแหลมมาก็จะได้ลองดีกัน ว่าใครจะอยู่ใครจะไป
.
เทคนิคในการตัดว่าวกัน อยู่ที่การพยายามอย่าให้ป่านของมันถูอยู่กับรอยเดิมบนป่านของเรา มันจะเหมือนกับเอามีดมาเฉือนอยู่ที่เดิม สักพักเดียวเชือกก็จะขาด ดังนั้นเราจึงต้องผ่อนสายป่านไปเรื่อยเพื่อไม่ให้อยู่ในตำแหน่งเดิม และเป็นการเฉือนป่านของอีกฝ่ายด้วย ทั้งนี้ก็ต้องคำนึงด้วยว่าผ่อนสายป่านไปยาวๆ ถ้าว่าวไม่กินลมอาจตกได้
.
การเอาชนะในการตัดว่าวกัน นอกจากต้องมีฝีมือในการประคองว่าวให้กินลมไว้เสมอ  ความยาวของสายป่านมีความสำคัญมาก เพราะการมีสายป่านที่ยาวหมายถึงเรามีเลื่อยที่ตัดป่านของฝ่ายตรงข้ามโดยไม่หยุดยั้ง สายป่านยาวจึงได้เปรียบด้วยประการฉะนี้
.
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
มีข่าวจักรยานยนต์ชนคนบนทางเท้า
วันต่อมามีนายตำรวจ พาคนขี่จักรยานยนต์มาขอเคลียร์
โดยเสนอเงินให้ผู้ถูกชนห้าพันบาท แล้วเรื่องจบ
คนถูกชนไม่ยอมรับ ขอดำเนินคดีต่อ
นายตำรวจไม่สบอารมณ์ จึงพูดกับคนที่ถูกชนว่า
"คิดว่าสายป่านยาวก็ตามใจ"
.......
นี่แหละ ผมว่าตำรวจคนนี้ คงเป็นนักชักว่าวตัวยง
และคงไปชักว่าวตัดว่าวคนอื่นมาเยอะแล้ว
จึงมีความรู้เรื่องสายป่านเป็นอย่างดี
.
สวัสดีครับ
พูดเรื่องชักว่าวแล้วนึกถึงวัยเด็กจัง
17 ก.พ.2562

(ขอขอบคุณเจ้าของภาพและบุคคลในภาพ และขออภัยที่ไม่ได้ขออนุญาติในการนำมาใช้)
.


ปลากัด.. ที่ข้าพเจ้ารู้จัก

เมื่อ 50-60 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครของเรายังไม่เจริญรุ่งเรืองเต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องเหมือนปัจจุบัน  ถนนหนทางส่วนใหญ่ก็เป็นถนนลาดยางสองเลน เรียกกันว่าหลังเต่า ที่มีคู่กันไปกับถนนถนนก็คือลำคลองนั่นเอง ถนนสาธร สีลม พระราม 4 พหลโยธินตั้งแต่อนุสาวรีย์เป็นต้นไป ฯลฯ แทบทุกถนนจะควบคู่ไปด้วยลำคลอง จนฝรั่งให้ฉายากรุงเทพฯในสมัยนั้นว่า "เวณิชตะวันออก" สมัยนั้นมีเรือลำเดียวสามารถไปได้ทั่วกรุงเทพฯ คลองไหนตันก็ย้อนกลับออกแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วไปหาทางเข้ามาใหม่ ก็จะไปถึงที่หมาย  บ้านเมืองยังเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง ให้เด็กๆได้ใช้เป็นแหล่งเที่ยวเล่น บางทีก็ประสบอุบัติเหตุกันบ้าง ซึ่งพ่อแม่สมัยนั้นมักจะมีลูกหลายคน และบ้างต้องทำมาหากิน จึงไม่อาจดูแลลูกได้ทั่วถึง เด็กๆที่ผ่านวัย โตเป็นผู้ใหญ่มาได้จึงค้องแกร่งพอสมควร  ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้ที่เป็นลูกคนเดียวหรือสองคน ที่พ่อแม่ดูแลดังไข่ในหิน
.
บ้านผมอยู่ชานเมือง ใกล้กรมทหาร ระหว่างราชวัตร - สะพานแดง แนวทางรถไฟจากสามเสนไปบางซื่อ เวลานั้นสองข้างทางรถไฟยังไม่ค่อยมีบ้านเรือน มีแต่คลอง บึง ป่าหญ้า น้ำท่วมเจิงนองเป็นบริเวณกว้าง มีบางจุดมีคนเอาไม้ไปปักเพื่อเลี้ยงผักบุ้งเป็นกลุ่มๆ เพื่อเด็ดยอดไปขาย
.
ผมและเพื่อนๆวัยเด็กในสมัยนั้น ความบันเทิงใดๆเช่นสมัยนี้ยังไม่มี ความสนุกที่หาได้ในสมัยนั้นก็คือรวมพวกกันเป็นกลุ่ม แล้วก็พากันเดินเที่ยวกันไปทั่ว เข้าซอยนี้ออกซอยนั้น เจอทุ่งเจอคลองก็แวะเล่นกันไป เจอต้นไม้ใหญ่ๆก็ปีนเล่น เจอคลองน้ำใสๆก็แก้ผ้าโดดเล่นกันจนเบื่อก็ขึ้นมานุ่งกางเกงเดินเที่ยวต่อ เด็กสมัยนั้น สิบกว่าขวบก็ยังแก้ผ้าเล่นน้ำกันโครมๆ ไม่มีเหนียมอายเหมือนเด็กสมัยนี้
ซอยระนอง 2 เป็นเส้นทางหนึ่งที่พวกผมเดินกันประจำ เพราะปลายซอยนี้เป็นทางรถไฟ เมื่อหาทางขึ้นไปบนทางรถไฟได้ ก็จะเป็นเส้นทางให้เดินต่อไปที่อื่นๆได้อีกมากมาย (อยากจะเล่า แต่เดี๋ยวจะยาว)
.
ซอยระนอง 2 นี่ คนรุ่นเก่าคงรู้จักกันดี เป็นซอยบ้านพักส่วนตัวของจอมพล ถนอม กิตติขจรนั่นเอง ซอยนี้มีบ้านนายทหารใหญ่ๆที่มีบทบาททางการเมืองอยู่กันมาก บ้านแรกทางขวามือปากซอยคือบ้าน "ฉัตร หนุนภักดี" (ขออภัยผมจำยศท่านไม่ได้) พ่อตาของพลเอกสุจินดานั่นเอง...  ผมเดินผ่านซอยนี้ก็จะอ่านชื่อเจ้าของบ้านไปเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายพลนายพัน จนจำได้ขึ้นใจเรียงลำดับบ้านได้ทุกหลัง แต่ตอนนี้จำได้เพียงบางคน
.
อย่างที่บอกแล้วว่าที่สุดซอยระนอง 2 เป็นที่ว่างยาวคู่กันไปกับทางรถไฟ คงเป็นที่ของรถไฟจึงไม่มีบ้านเรือน (ปัจจุบันเป็นถนน) บริเวณนี้เป็นกึ่งบึงกึ่งที่ลุ่มน้ำท่วม มีหญ้าและวัชพืชต่างๆรกไปหมด ตรงนี้แหละเป็นประเด็นที่มาเล่าในวันนี้
.
ที่ลุ่มน้ำท่วมตรงนี้แหละที่เราใช้เป็นเส้นทางลุยต่อไปที่อื่นๆ  แต่.. เราสังเกตุได้ว่ามีคนบางคนที่อายุมากกว่าพวกเรา แต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นผู้ใหญ่ มาเดินก้มๆเงยๆอยู่กับพื้นน้ำ ด้วยความสงสัยจึงเข้าไปถามว่าพี่ๆทำอะไรน่ะ เขาบอกว่าจับปลากัด พวกเราก็ยืนดูกัน ก็เห็นเขาเอาตะแกรงช้อนเข้าไปตามกอหญ้า ก็เห็นได้ปลามาบ้าง
.
เมื่อได้เห็นกิจกรรมอย่างใหม่ พวกเราก็คิดจะทำบ้าง เพราะเคยเห็นรุ่นพี่เขาเลี้ยงปลากัดใส่ขวดใสๆมีกระดาษแข็งกั้นระหว่างขวดดูสวยดี  จึงเริ่มหาเครื่องมือที่จะไปจับปลากัด  ก็ไปเจอบุ้งกี๋เก่าๆที่พวกก่อสร้างเขาทิ้งแล้ว ซึ่งก็มีรูโหว่ใหญ่ๆที่ปลาจะหลุดไปได้ แต่ก็ยังดีเพราะหาอะไรที่เหมาะกว่านี้ไม่ได้  ต่อจากนี้พวกเราก็ไปลุยจับปลากัดกันที่บึงตื้นๆริมทางรถไฟ ตามแต่ใครจะหาเครื่องมืออะไรมาได้  หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ปลามาคนละสองตัวสามตัว ก็นำกลับบ้านด้วยความภูมิใจ แต่หลังจากขึ้นจากบึงก็พบว่าที่หลังเท้าของพวกเราโดนปลิงเกาะมาคนละตัวสองตัว เมื่อดึงปลิงออกก็มีเลือดไหลตามมา เราก็วักน้ำในบึงนั่นแหละ ล้างๆก็หาย
.
เมื่อกลับถึงบ้าน ก็เอาปลาใส่กระมังเล็กๆ แล้วก็ไปหาขวดเหล้าขวดน้ำปลามาล้างให้สะอาด กรอกน้ำสะอาด แล้วก็เอาปลาที่จับมาได้ใส่ลงในขวด เพื่อนๆก็ช่วยกันดู มีบางคนบอกทำไมตัวมันซีดๆวะ เราก็บอกว่ามันคงตกใจมั๊ง สีมันเลยซีด เดี๋ยวมันปรับตัวได้สีมันคงขึ้นมาเองแหละ
.
ระหว่างที่เพื่อนๆกำลังตื่นเต้นนั่งชื่นชมปลาในขวดกันอยู่ พี่ชายซึ่งเดินกลับมาจากข้างนอก เห็นพวกเราจับกลุ่มกันอยู่ จึงเดินเข้ามาดูแล้วถามว่าดูอะไรกัน มีคนหนึ่งตอบว่าดูปลากัดครับ   พี่ชายจึงก้มลงดูที่ขวดที่เรานั่งดูกันอยู่ แล้วก็ยิ้มเงยหน้าขึ้นหัวเราะ แล้วบอกว่า "ไอ้บ้าเอ๊ย นี่มันปลากัดที่ไหนล่ะ เขาเรียกว่าปลากิม รูปร่างมันจะคล้ายปลากัด ปากมันจะแหลมๆ ไม่มีสี ไม่มีใครเขาเลี้ยงกันหรอก.."  พวกเราต่างหันมองหน้ากัน อารมรณ์แห่งความตื่นเต้นเมื่อสักครู่หายไปจนหมดสิ้น
.
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ข่าวว่าทางราชการได้ประกาศให้ปลากัดเป็นปลาประจำชาติ หลังจากที่วงการปลากัดผลักดันเรียกร้องมานาน  กระผมซึ่งเกือบจะเข้าสู่วงการปลากัดแล้ว ถ้าไม่โดนเจ้าปลากิมมาสกัดดาวที่จะรุ่งเสียก่อน ก็ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่นิยมชื่นชมปลากัด ซึ่งปัจจุบันพัฒนาได้สวยงามยิ่งกว่าสมัยที่ผมเคยเห็นตอนเด็กๆมาก ดังที่ผมนำรูปจากอินเตอร์เน็ตมาลงไว้ให้ดูความสวยงาม ไม่ทราบชื่อเจ้าของ ถ้ามีลิขสิทธิ์ก็ขออภัยด้วยครับ
.
16 ก.พ. 2562
.



ปลากัดสีธงชาติที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทย



.