ไปเลือกตั้ง


ไปเลือกตั้ง...

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ปี 62 นี้ เขาจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. หลังจากว่างเว้นมาเป็นเวลาหลายปี

เดิมก็คิดว่าจะไม่ไปแล้ว เพราะเบื่อหน้านักการเมืองเหลือเกิน แต่เห็นเขาว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พวกเยาวชนคนรุ่นใหม่ตื่นตัวตื่นเต้นกันมาก เพราะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของพวกเขา  เราก็มาคิดๆดู เออ.. มันอาจจะเป็นการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายสำหรับเราก็ได้  ดังนั้นเราจึงไม่ควรเสียโอกาสนี้ไป จึงได้ออกไปเลือกตั้งนี่แหละ
.
ในบรรดา "ไม้ใกล้ฝั่ง" รุ่นราวคราวเดียวกับผมนี่ ก็คงผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมาคล้ายๆกัน
ผมมาได้ยินคำว่าเลือกตั้งก็ราว พ.ศ.2500 นี่เขียนแบบนึกอะไรได้ก็เขียนนะครับ  ไม่ได้เปิดค้นข้อมูลใดๆทั้งสิ้น อาจจะจำผิดจำถูกไปบ้าง
.
ตอนนั้นยังเด็กๆอยู่ เห็นมีคนเดินเป็นกลุ่ม มีแผ่นประกาศหาเสียงถือกันมาเป็นปึกๆ และก็มีคนถือกระป๋องแป้งเปียกมา มีแปรงทาสีจุ่มอยู่ในกระป๋องแป้งเปียก เดินไปเจอต้นไม้ เจอประตู เจอฝาบ้าน เจอกำแพง พี่แกก็จะเอาแปรงจุ่มแป้งเปียกป้ายไปเรื่อย ทีมที่ถือแผ่นประกาศหาเสียงก็จะแปะแผ่นกระดาษตามไป
.
ตอนนั้นรู้สึกว่าพรรคใหญ่ที่แข่งขันกัน ก็คือพรรคประชาธิปัตย์  ซึ่งมีนายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค แข่งกับพรรคของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ถ้าจำไม่ผิดก็คือพรรคมนังคศิลา
.
ตอนนั้นยังเด็กๆ ยังไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งกะเขาหรอก แต่เห็นเขาหาเสียงกันก็เดินตามไปดูเขา ตอนนั้นมีการแจกผ้าเช็ดหน้าที่มีรูปจอมพล ป. หรือรูปโลโก้พรรคไม่แน่ใจ เราก็อยากจะได้ วิ่งตามขอเขา แต่เขาไม่ให้ คงเห็นเราเป็นเด็ก ให้ไปก็เสียของ นี่คือความรู้ที่ว่าการหาเสียงจะต้องมีของแจก   เมื่อถึงวันเลือกตั้ง เต๊นต่างๆที่เขาตั้งเรียงรายไว้ ก็มีผู้คนมาเลือกตั้งกันคึกคัก  บ้านผมอยู่ใกล้เขตทหาร จึงเห็นทหารมาเข้าคิวเลือกตั้งกันเป็นจำนวนมาก
.
การเลือกตั้งคราวนั้นมีเสียงเล่าลือกันเป็นจำนวนมาก ว่าพรรคของจอมพล ป. มีการโกงกันอย่างมโหฬาร จนกระทั่งมีผลทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร โดยพลเอกสฤษดิ์ ธนะรัชต์
.
คราวนั้นก็ได้ยินศัพท์แปลกๆเช่น ไพ่ไฟ เวียนเทียน บัตรผี เป็นต้น แต่เรื่องคะแนนเขย่ง ตอนนั้นไม่รู้ว่ามีหรือยัง แต่คำนี้ก็มีมานานแล้ว คนรุ่นเก่าจะรู้ดี
.
หลังจากนั้นมาผมก็จำไม่ได้ว่าเคยได้เลือกตั้งกับเขาหรือไม่ เพราะต่อจากสฤษดิ์ ก็เป็นยุคของ ถนอม ประพาส ณรงค์ จนมาถึงยุค 14 ตุลา 16 แล้วไม่ทันไรก็มาเกิด 16 ตุลา 19 เข้าสู่ยุครัฐบาลหอย
.
ถ้าไม่เปิดตำรา ใช้จากความจำมันก็กระท่อนกระแท่นได้เท่านี้ เมืองไทยเวลาส่วนใหญ่ก็อยู่ภายใต้การปกครองของทหาร  มีรัฐบาลพลเรือนก็อยู่ได้ไม่นาน  พูดอย่างไม่เข้าข้างใคร รัฐบาลพลเรือนก็มีส่วนทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารด้วยเช่นกัน
.
ในช่วงชีวิตผม เจอกับการปฏิวัติจนนับไม่ถ้วนว่ามีใครบ้าง เวลาไหนมีเคอร์ฟิวก็ต้องรีบกลับบ้านเร็วๆ ในช่วงเวลาปฏิวัติสมัยนั้นจะมีด่านทหารทั่วไปหมด ไปไหนค่ำๆมืดๆเจอด่านตรวจประจำ แต่เราไม่ได้พกอาวุธหรือมีพฤติกรรมไม่ดีก็ไม่ต้องกลัวอะไร
.
การไปเลือกตั้งครั้งนี้ของผม ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายในชีวิตหรือไม่ และการปฏิวัติที่สิ้นสุดไปนี้จะเป็นการปฏิวัติครั้งสุดท้ายหรือไม่ก็คงไม่อาจมีใครทราบได้  ตราบใดที่ความคิดความเห็นของแต่ละกลุ่มแต่ละพวกยังแตกต่างกัน และยังยืนยันในความถูกต้องของฝ่ายตน
.
ผมในฐานะ "ไม้ใกล้ฝั่ง" ก็คงทำได้เพียงขออย่าให้ต้องเกิดความรุนแรงอย่างที่ผ่านๆมาอีกเลย ชีวิตทุกชีวิตมีค่า...

*******************

2 เมษายน 2562
*************