คน(แก่)กับหมา


คน(แก่)กับหมา



ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
จากหนังสือ คึกฤทธิ์ ๘๒

ณ เวลานี้ ท่านที่เกษียณมาใหม่ๆ อาจจะยังไม่ค่อยเหงา เพราะยังอาจมีน้องๆเพื่อนๆ นัดเลี้ยงนัดอำลากันอยู่ วันนี้บ้าง วันนั้นบ้าง สนุกสนานเฮฮากันไป  บางท่านก็ยังอาลัยที่ทำงาน ยังอาจแวะเวียนไปเยียมเยือนน้องๆ ทักทายพูดคุยกันบ้าง ตามประสาคนคุ้นเคยทำงานร่วมกันมา 

แต่เวลาผ่านไปสักพัก เรื่องที่จะคุยกันก็ชักจะไม่ค่อยมี บรรดาน้องๆก็ต้องทำงานกัน เราเที่ยวไปทักคนนั้นคนนี้ เขาก็ต้องละงานมาคุยกับเรา ก็ต้องเกรงใจเขา ด้วยเหตุนี้ หลังเกษียณ ผมจึงตั้งใจว่าจะไม่เข้าไปที่ทำงานอีกเลย 

เมื่อเวลาผ่านไป ความห่างเหินก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความต่างวัย (เราแก่ขึ้น สุขภาพเสื่อมลง) ต่างกันทางชีวิตความเป็นอยู่ ทางสังคม ต่างกันทางด้านเศรษฐกิจ การระมัดระวังในเรื่องค่าใช้จ่ายของคนเกษียณ(ไม่มีเงินเดือนแล้ว) ยกเว้นที่เขามีเยอะ

ดังนั้น ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้เกษียณเช่นนี้นี่แหละ ผู้เกษียณจึงต้องปรับตัว ปรับชีวิตของตัวเองให้อยู่ได้อย่างไม่ต้องถึงกับมีความสุขหรอก แต่เพียงขอให้ไม่ถึงกับเหงาก็คงจะเพียงพอแล้ว  

สำหรับผู้เกษียณที่โชคดี มีหลานวัยน่ารักไว้ให้เล่นให้หัว(เราะ)ก็ดีไป ได้เพลินได้ยุ่งไปวันๆ แต่สำหรับบางท่านลูกเต้าโตหมดแยกบ้านแยกเรือนไปแล้ว เหลือแต่ภรรยาคู่ชีวิตที่เต่งตึง(พุงกับหู)อยู่ร่วมชายคาเพียงคนเดียว วันนี้ผมจึงอยากแนะนำให้หา "เพื่อน" มาอยู่เป็นเพื่อน "เพื่อน" ในที่นี้ไม่ใช่เพื่อนที่เป็นคนนะครับ เดี๋ยวจะยุ่ง "เพื่อน" ที่ผมว่านี่หมายถึง "น้องหมา" หรือสุนัขนั่นเอง

ในชีวิตผม ตั้งแต่เด็กๆมา ที่บ้านไม่เคยขาดหมาเลย เลี้ยงมาตลอดไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน มาว่างเอาตอนก่อนเกษียณนี่แหละ หมาตัวสุดท้ายที่เลี้ยงได้ตายลง ก็ไม่ได้เลี้ยงอีกเลย ก็คิดว่าเวลาเรามีธุระหรือจำเป็นต้องไปต่างจังหวัด จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ก็เลยว่างมาหลายๆปี




นั่่งรอเห่า


แต่แล้ว จู่ๆมาปีนี้ลูกสาวพาหลานมาเยี่ยมบ้าน หลานเกิดอยากจะเลี้ยงหมาขึ้นมา ที่จริงเขาอยากจะเลี้ยงมานานแล้ว แต่ที่อังกฤษ (เค้าอยู่ประเทศอังกฤษ) การเลี้ยงหมามีกฎระเบียบที่ยุ่งยากมาก ก็เลยคิดว่าจะเลี้ยงที่เมืองไทยนี่แหละ โดยฝากตายายเลี้ยงไว้ก่อน ปีหนึ่งก็มาเยี่ยมสักครั้งสองครั้ง เราก็ว่าตายายแก่แล้วมาเลี้ยงหมาตอนนี้ มันก็คงลำบากในการดูแล หากเจ็บป่วยก็ต้องพาไปหาหมอ แล้วหมาสมัยนี้เขาเลี้ยงกันอย่างกะเด็กคนหนึ่งทีเดียว ไม่ว่าจะฉีดหยูกฉีดยา อาหารการกิน โรคภัยไข้เจ็บ ไม่เหมือนสมัยก่อนเลี้ยงกันง่ายๆ

แต่ที่ไหนได้อีกสองวันลูกสาวไปหิ้วมาแล้ว ก็เลยตกกระไดพลอยโจน เป็นตายายมีหมาเป็นหลานอีกตัวนึง ตอนนี้แม่ลูกก็กลับอังกฤษไปแล้ว ทิ้งเจ้าหมาน้อยไว้ให้ตายายดูแล แต่พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาก็เกิดความผูกพันความรัก เจ้าหมาน้อยก็รู้จักประจบเสียเหลือเกิน คลอเคลียมาชวนเล่นตลอดเวลา ผมเคยอ่านหนังสือที่เขียนโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ฯ ท่านเคยเขียนเรื่องหมา ที่ท่านเลี้ยงไว้หลายรุ่น หลายตัว มีที่ท่านรักมากเป็นพิเศษเช่น เสือใบ เสือดำ ฯลฯ และอะไรๆอีกผมจำไม่ได้ไว้ในหนังสือรู้สึกว่าจะชื่อ "คนรักหมา" หรืออะไรทำนองนี้แหละผมก็จำไม่ได้เสียแล้ว และยังหาหนังสือไม่เจออีกด้วย(สงสัยจะแก่ขึ้น) ท่านเขียนเกี่ยวกับอุปนิสัยของหมาไว้ทำนองนี้ว่า....



...หมาฝรั่งนี่เป็นหมาขี้เล่น  ไม่รู้จักโต ติดคนต้องอยู่กับคนตลอด ไม่เหมือนหมาไทย พอโตหน่อยจะเริ่มแยกตัว ไปนอนอยู่ห่างๆ มีชีวิตเป็นส่วนตัวของเขาบ้าง แต่ก็รักดูแลเจ้าของ

คือว่าง่ายๆก็คือหมาไทยมีนิสัยเป็นผู้ใหญ่ ส่วนหมาฝรั่งจะเป็นเด็กตลอด....เจ้าหมาน้อยที่ผมเลี้ยงมันถึงเล่นจัง ของเล่น(ที่ลูกซื้อไว้ให้)เกลื่อนเต็มบ้านหมด แต่ตอนนี้ยังถือว่าเป็น(หมา)เด็กอยู่

ตอนนี้ผมก็เลยมีหน้าที่อาบน้ำให้หมา หยอดยากันเห็บหมัด พาหมาไปฉีดยาตามนัด ดูแลสภาพทั่วไปว่ามีอะไรผิดปรกติหรือไม่ และเวลาเราคอฟฟี่เบรคเช้าบ่าย เจ้าหมาน้อยก็ได้เวลามานั่งรอเบรคด้วยเหมือนกัน โดยต้องเตรียมของว่างเป็นสแน็ค(Snack)สำหรับหมา กินพร้อมกัน ดูมันก็ยุ่งๆกว่าเดิมนิดหน่อย ที่เราเคยนอนอ่านหนังสือ เบื่อก็มาเปิดคอมพิวเตอร์ หิวก็ไปชงกาแฟกิน เดี๋ยวนี้มีเจ้าหมาน้อยมาเดินตามอยู่ตัวหนึ่ง คอยงับคอยเห่า กินก็ต้องกินด้วย ก็เพลินไปอีกแบบ ส่วนยายก็มีหน้าที่ให้อาหารหลัก ซึ่งก็ไม่ยากอะไรเพราะเป็นอาหารเม็ด



เจ้าของตัวจริงเขาหละ


ที่เอาเรื่องนี้มาคุย ก็เพราะเห็นว่า การเลี้ยงหมานี่ก็อาจจะเป็นเครื่องผ่อนคลายความเหงาของคนแก่คนชราได้ทางหนึ่ง ผัวเมียบางคน วันทั้งวันแทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ต่างก็อ่านหนังสือ ต่างก็เอาแต่ดูทีวี ตกค่ำต่างคนต่างเข้านอน ถ้าเรามีหมาสักตัว เราจะได้อาศัยมันเป็นเพื่อนคุย เราคุยอะไรมันก็ไม่เถียง ได้แต่เอียงคอกระดิกหูกระดิกหางไปตามเรื่อง(เรื่องคือไม่รู้เรื่อง) หรืออาจเห่าบ้างเบาๆเป็นบางครั้ง แสดงว่ามันฟังอยู่ ไม่เหมือนคุยกะเมียมักจะคุยไม่ได้นาน

ท่านที่เกษียณแล้วท่านใด ถ้าเหงาๆก็ลองหาหมามาเลี้ยงแก้เหงาสักตัวก็ได้นะครับ รับรองเลี้ยงหมาท่านจะไม่มีเสียใจ(ยกเว้นหมาตาย)หมามันจะไม่มีพูดให้ท่านเสียใจ น้อยใจ มันจะไม่ดูถูกเหยียดหยาม แม้ว่าเงินในธนาคารของท่านเหลือน้อยเต็มที แม้ท่านจะไม่มีตำแหน่งใดๆ มันก็จะไม่คลายความรักไปจากท่าน มันจะไม่มีเปลี่ยนใจหนีไปอยู่กับคนอื่นเด็ดขาด ถ้าท่านยังเลี้ยงดูมัน ไม่ขับไสไล่ส่งมัน มันก็จะอยู่กับท่านจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งหละ 

มีการกล่าวกันว่า
ความเหมือนกันระหว่าง "คนแก่" กับ "หมา" ก็คือ

"หมา" มีนิสัยชอบไปนั่งที่หน้าบ้าน คอยเห่าคนหรืออะไรที่ผ่านไปมา

"คนแก่" จะชอบไปนั่งหน้าบ้าน (หรือที่สาธารณะ)
เพื่อมองดูคนผ่านไปมา เพื่อทักทาย (เพราะความเหงา)

(ในต่างประเทศเขาจึงมักจะมีเก้าอี้ ม้านั่งไว้ตามสวนสาธารณะ ตามห้างตามห้องล็อบบี้ตามอพาร์ทเม้นต์ เพื่อให้คนชราไว้นั่งพักผ่อนและทักทาย (มอร์นิ่งๆ)ผู้คนแก้เหงา บางแห่งจะมีป้ายเขียนไว้เลยว่าสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อไม่ให้ผู้อื่นไปนั่ง)




ผมไม่สนหรอกว่าใครจะไม่รักผม
เพราะเวลาของผมมีไว้ให้คนที่รักผมเท่านั้น





**********






1 Response to คน(แก่)กับหมา

ไม่ระบุชื่อ
25 ตุลาคม 2556 เวลา 16:48

ทดสอบ

แสดงความคิดเห็น