สหกรณ์ : ค่าจูงใจ


"ค่าจูงใจ"



ไป..ลูก..รีบไปเลือกตั้้งกรรมการสหกรณ์กัน...



เชื่อว่าผู้ที่ติดตามอ่านบล็อกนี้ คงจะมีเกินครี่งละครับที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ สำหรับผม เวลาไปไหนมีโอกาสได้พบเจอคนที่รู้จักก็มักจะมีการพูดคุยสอบถามหรือแสดงความคิดเห็นต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับสหกรณ์ฯ มีข้อเสนอแนะฝากไปยังกรรมการสหกรณ์ฯ  ซึ่งหลังๆนี้ผมก็มักจะต้องชี้แจงว่าผมได้ห่างเหินสหกรณ์มานานพอสมควรแล้ว เพียงอยู่ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นถ้าท่านมีความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะใดๆ ก็สมควรที่จะเสนอต่อกรรมการสหกรณ์ได้โดยตรงในฐานะสมาชิก ส่วนผมเป็นเพียงสมาชิก"คงสภาพ" คือเขายังให้ "คงสภาพ" อยู่ได้ก็นับว่าเป็นบุญเป็นกุศลแล้ว จึงมิบังอาจไปเสนอแนะท่านกรรมการที่แต่ละท่านมีความรู้ความสามารถล้นเหลือกันทั้งนั้น อันอาจจะไปสร้างความรำคาญให้ท่านได้

แต่ในฐานะที่สหกรณ์เป็นที่พักพิงที่เดียวที่ผมมีอยู่ จนกว่าเงินที่มีอยู่เล็กน้อยค่อยๆร่อยหรอหมดไป เมื่อถึงเวลานั้น ถ้ายังไม่ตายจากกัน ผมก็คงต้องกล่าวลาสหกรณ์ที่ผมเป็นสมาชิกได้พึ่งพาอาศัยมาตลอดชีวิตการทำงานจนกระทั่งถึงบัดนี้ แต่ผมก็ได้ตอบแทนให้สหกรณ์ในรูปของดอกเบี้ย เพื่อเป็นการตอบแทนผู้เป็นเจ้าของเงินที่นำเงินมาให้เราได้มีโอกาสสร้างบ้านสร้างครอบครัวให้มีชีวิตที่ดีขึ้น...ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้ให้ความสนใจบ้างในความเคลื่อนไหว ความเป็นไปในแวดวงของสหกรณ์ต่างๆ

เช่นเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีข่าวสหกรณ์ยูเนี่ยนมีปัญหาในการปล่อยกู้ และก็ทราบมาว่าสหกรณ์ยูเนี่ยนให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูง ก็ไม่ทราบว่าพวกเราๆมีใครนำเงินไปให้สหกรณ์ยูเนี่ยนกู้กันบ้างหรือไม่ 

และก็บังเอิญเมื่อวันสองวันนี้ได้อ่านข่าวการแจกเงินผู้มาเลือกตั้งจากเว็บของหนังสือพิมพ์ "ไทยโพสท์" วันที่ 9 ตุลาคม 2556 ซึ่งพาดหัวข่าวเสียดูตื่นเต้น ก็เลยนึกขำว่าถ้าผู้สื่อข่าวมาทำข่าวการเลือกตั้งกรรมการสหกรณ์ของ สอฟ. คงจะตื่นเต้นยิ่งกว่านี้...ก็เลยขออนุญาต "ไทยโพสท์" คัดลอกข่าวนี้มาให้อ่านกันเล่นๆเป็นความรู้(ทั่วไป) กัน ณ ที่นี้นะครับ


ที่เดียวในโลก จ้างหัวละพัน! มาลงคะแนน




พิลึก! เลือกตั้งประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูพิจิตรแจก

เงินสดๆ ให้ผู้มาลงคะแนนคนละ 1 พันบาท   เบ็ดเสร็จ  

8.2 ล้านบาท ผู้จัดการสหกรณ์ฯ เผยเป็นเงินของ

สมาชิก มาจากกำไรการบริหาร จ่ายเป็นค่าเดินทาง  โว

ได้ผลเกินคาดเพราะครูมีความรู้แห่มาใช้สิทธิ์ 

94.25%   พร้อมแนะนำให้ “กกต.” นำไปใช้ ดีกว่าจะ

ทุ่มเงินรณรงค์ให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ขณะที่ “สดศรี” 

ระบุไม่ผิด เพราะไม่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.เลือกตั้ง แต่ไม่มี

ประเทศไหนเขาทำกันแบบนี้ 


    เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม นายสุทัด ชื่นผล ผู้จัดการสหกรณ์

ออมทรัพย์ครูพิจิตร ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่อาคารเลข

ที่ 5/2 ถนนบึงสีไฟ ต.ในเมือง อ.เมืองฯ จ.พิจิตร เปิด

เผยว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ครูพิจิตรริเริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ 

พ.ศ.2502 ในคราวนั้นมีสมาชิกร่วมก่อตั้งจำนวน 257 

คน มีทุนเรือนหุ้น 7,720 บาท ดำเนินกิจการด้วยความ

มั่นคงมาแล้ว 54 ปี ปัจจุบันมีสมาชิก 7,952 คน มีทุน

ดำเนินการ 15,000 ล้านบาท ที่รับเงินฝากจากสมาชิก

เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้กับสมาชิก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็น

ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงาน ในสังกัดกระทรวง

ศึกษาธิการ หรือเรียกง่ายๆ ว่า “เป็นกลุ่มครู” 



    นายสัดทัดกล่าวต่อว่า โดยการบริหารองค์กรจะมีผู้

จัดการเป็นฝ่ายปฏิบัติและมีประธานเป็นฝ่ายวางแผน

และนโยบาย ซึ่งที่ผ่านมาสหกรณ์ออมทรัพย์ครูพิจิตรมี

ประธานมาแล้ว 21 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านจะมีวาระในการ

บริหารงานคราวละ 2 ปี และเป็นติดต่อกันได้ไม่เกิน 2 

วาระ ดังนั้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา จึงจัดให้มีการ

เลือกตั้งประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูพิจิตรขึ้น โดยจัด

แบ่งให้มีหน่วยเลือกตั้งใน 12 อำเภอของจังหวัดพิจิตร 

พร้อมทั้งจัดให้มีการเลือกประธาน-กรรมการประจำ

อำเภอ-ผู้ตรวจสอบบัญชี ซึ่งได้รับความสนใจจาก

ประชาชนทั่วไป และผู้ที่เป็นสมาชิกที่ล้วนเป็นคนใน

แวดวงครู 



    โดยมีผู้สมัคร 2 คน คือ หมายเลข 1 ว่าที่ 

ร.อ.สาโรช ยกให้ รองผู้อำนวยการ สพป.พิจิตร เขต 2 

ซึ่งมีบิดาเป็นอดีต ผอ.พื้นที่การประถมศึกษาพิจิตรเขต 

1 แข่งขันกับนายไพบูลย์ อยู่สุข ผู้อำนวยการโรงเรียน

บ้านเนินขวาง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ซึ่งเคยเป็น

ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเมื่อสมัย พ.ศ.2551-

2552 จึงทำให้เป็นคู่แข่งที่สมศักดิ์ศรี

     ทั้งนี้ มีการประกาศรายชื่อสมาชิกผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 

7,952 คน โดยแบ่งแยกเป็นจุดรับบัตรเลือกตั้งเป็นกลุ่ม

ประถมศึกษา กลุ่มมัธยมศึกษา กลุ่มอาชีวศึกษา กลุ่ม

สำนักงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เพื่อสะดวกและ

รวดเร็วต่อการใช้สิทธิ์ โดยทุกคนที่มาใช้สิทธิ์จะต้อง

แสดงบัตรสมาชิกที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูออกให้ หรือ

บัตรข้าราชการครู เพื่อขอรับบัตรลงคะแนน 3 ใบ

พร้อมๆ กัน คือ บัตรเลือกประธานสหกรณ์ออมทรัพย์

ครู, บัตรเลือกกรรมการฯ, บัตรเลือกผู้ตรวจสอบ พร้อม

กับรับเงินสดคนละ 1,000 บาท ซึ่งเป็นค่าเดินทางใน

การมาใช้สิทธิ์ลงคะแนน สำหรับผลการเลือกตั้งในครั้งนี้

ปรากฏว่าผู้ที่ชนะได้เป็นประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครู

พิจิตรคนที่ 22 ได้แก่ นายไพบูลย์ ได้ 5,208 คะแนน 

ส่วนคู่แข่งคือผู้สมัครหมายเลข 1 ว่าที่ ร.อ.สาโรช ได้ 

2,121 คะแนน

    "การจัดการเลือกตั้งในครั้งนี้ใช้กรรมการ 256 คน 

ใน 13 หน่วยเลือกตั้ง ใช้เงินในการจัดการเลือกตั้งและ

จ่ายเป็นค่าเดินทางให้กับผู้ที่มาลงคะแนนทุกคน รวม

เป็นเงินทั้งสิ้น 8,200,000 บาท ซึ่งได้ผลเกินคาด 

ปรากฏว่ามีผู้มาใช้สิทธิ์มากถึง 94.25% จึงทำให้

บรรยากาศการเลือกตั้งเต็มไปด้วยความคึกคัก เพราะ

บรรดาคุณครูซึ่งล้วนเป็นคนที่มีความรู้ล้วนตั้งใจเลือก

คนที่ตัวเองรัก เลือกนโยบายที่ตนเองชอบมาตั้งแต่

บ้าน ดังนั้นหน้าคูหาจึงอนุญาตให้ผู้สมัครเดินยกมือไหว้

ขอคะแนนได้ แต่ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนใจหน้าคูหาได้

ยาก อีกทั้งไม่มีการซื้อเสียง เพราะถ้าคิดจะซื้อเสียงก็

ต้องซื้อ 100% แข่งกับคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง 

ซึ่งจะต้องใช้เงินมหาศาล และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการ

ซื้อเสียงแต่อย่างใด" นายสุทัดกล่าว 

    ผู้จัดการสหกรณ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เงินที่จ่ายก็ล้วน

เป็นเงินของสมาชิกที่เป็นกำไรมาจากการบริหารจัดการ

สหกรณ์ก็คล้ายกับเงินภาษี กรรมวิธีแบบนี้มีมานาน

แล้ว สหกรณ์ออมทรัพย์ครูบางแห่งที่มีกิจการมีกำไรดีมี

การจ่ายในลักษณะนี้ถึงเสียงละ 3,000 บาทก็มีแล้ว ดัง

นั้นหาก กกต.จะใช้วิธีเช่นนี้ก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ดีกว่าไป

จ้างศิลปินมารณรงค์การเลือกตั้งลงโฆษณา

หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ หมดเงินไปหลายพันล้าน 

แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นวงจรการซื้อเสียง 

    "สู้ผู้จัดการเลือกตั้งจ่ายค่าเดินทาง ค่าเสียเวลา ให้

เป็นแรงจูงใจด้วยเงินสดแบบเปิดเผย แบบนี้ดูจะได้ผลก

ว่า เพราะทุกครั้งที่จัดการเลือกตั้งไม่เคยมีผู้ใช้สิทธิ์ต่ำ

กว่า 90% เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำเอาชาวบ้านที่เห็น

การลงคะแนนแล้วรับเงินสดคนละ 1,000 บาท ต่าง

อิจฉาไปตามๆ กัน ซึ่งภายหลังจากลงคะแนนได้เงิน

แล้ว ก็มีร้านขายของให้ช็อปปิ้งกันอย่างสนุกมือที่

บริเวณหน้าคูหานั่นเอง" นายสันทัดกล่าว


    ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง 

(กกต.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ส่วนใหญ่แล้วสหกรณ์

ออมทรัพย์ต่างๆ เขาจะมีการทำแบบนี้ อย่างเช่นบางที่

ก็มีการให้เงินค่ารถกันคนละ 1,000 บาท เขาถือว่ามัน

ไม่ได้เป็นการแจกเงินซื้อเสียง แต่เป็นเพียงการให้เงิน

ค่ารถในการเดินทางมาเลือกตั้ง ซึ่งก็มีการทำกันมาเช่น

นี้ตามปกติ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น และก็ไม่

ได้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่นหรือเลือกตั้ง

ระดับชาติ


     "คงเป็นเรื่องที่เขาทำได้ตามข้อปฏิบัติและระเบียบ

ของเขาเอง ดังนั้นกรณีดังกล่าวถือว่าสามารถทำได้ 

เพราะว่าเขาไม่ได้จูงใจว่าให้เลือกคนใดคนหนึ่ง แต่

จูงใจให้มาเลือกตั้งแค่นั้นเอง และเงินที่นำมาแจกนั้นก็

เป็นเงินกำไรของทางสหกรณ์เอง ไม่ใช่เงินของตัว

คนใช้สิทธิ์ ส่วนการขนคนมาใช้สิทธิ์คือการที่คนจะซื้อ

สิทธิ์เป็นคนขนและจ่ายเงิน แต่กรณีดังกล่าวสหกรณ์

เขาทำกันเอง" นางสดศรีกล่าว และว่า ส่วนจะเป็นการ

ส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างไรนั้น มันเป็นการแลก

เปลี่ยนกันว่าผู้มาใช้สิทธิ์ได้รับเงินไป และเป็นการเอื้อ

อำนวยให้คนออกมาใช้สิทธิ์เยอะๆ แต่กรณีดังกล่าวใน

ต่างประเทศไม่ทำกัน.

*****



ขอขอบคุณข่าวจาก "ไทยโพสท์"
ขอขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค....


*******




No Response to "สหกรณ์ : ค่าจูงใจ"

แสดงความคิดเห็น