วันเริ่มต้นชีวิตใหม่


วันเริ่มต้นชีวิตใหม่



        ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้ ที่ทำให้ท่านต้องผิดหวังที่ผมไม่ได้เขียนเรื่องราวอะไรใหม่ๆให้ท่านได้อ่านกันเลย แรกทีเดียวก็คิดว่าเมื่อไม่มีเรื่องราวใหม่ๆมาให้ติดตามกัน ท่านๆก็คงเบื่อหน่าย แถมอาจมีด่าอีกต่างหาก แล้วก็คงจะค่อยๆเลิกลา ไม่คลิ๊กเข้ามาดูอีก ผู้เข้าชมก็คงลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนไม่มีคนเข้ามาอ่านโดยปริยาย และทางสหภาพฯและทางสหกรณ์ฯที่กรุณาทำลิ้งค์ไว้ให้ก็คงจะถอดลิ้งค์ออกไป

       หลังจากที่ขมรมผู้เกษียณของ สอฟ. คือ ชสอฟ. ได้เปิดประชุมใหญ่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ต้นปีนี้ และในปีนี้เป็นปีที่จะต้องมีการคัดสรรกรรมการชุดใหม่ โดยมีกติกาใหม่ว่า ให้เลือกประธานคนเดียว หลังจากนั้นประธานจะเป็นผู้เลือกทีมงานอีกที เพื่อเป็นเอกภาพในการทำงานของชมรมฯ ซึ่งก็คงทราบในภายหลังแล้วว่าคุณบุญเลิศ เด่นดี ได้รับความเห็นชอบให้ทำหน้าที่ประธานชมรมฯในครั้งนี้

        ผมเคยคิดไว้ในใจแล้วเมื่อคราวที่คุณวิเชียร ปั้นศรี อดีตประธานชมรมฯ มาทาบทามชักชวนให้เข้าไปร่วมงานด้วยกัน  ก็คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราอาจจะทำประโยชน์ให้ชมรมฯได้บ้าง เพราะเราก็คิดอะไรไว้เยอะ และคิดว่าถ้าหากมีโอกาส ก็จะขอทำงานนี้ไม่เกินสองสมัย  เพราะคิดแล้วว่าสองสมัย 4 ปี คงจะเพียงพอที่เราจะทุ่มเทสมองได้หมดแล้ว หลังจากนั้นคิดว่าพลังต่างๆมันคงจะอ่อนเปลี้ยไปพอสมควร เวลาที่เหลือก็ขอพักผ่อน ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา อะไรถูก อะไรผิด อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ขอปล่อยตัวไปตามกาลเวลาที่เลื่อนไหล และก็สุขภาพจะเอื้ออำนวย  เท่าที่ทราบมาว่าอายุเฉลี่ยของผู้ชายก็ประมาณ 70 ปี ถ้าเป็นไปตามเฉลี่ยผมก็เหลืออีกไม่ถึง 4 ปีแล้ว ก็หวังว่าเพื่อนๆที่รีบไปก่อนเจ็ดสิบ จะทิ้งส่วนเฉลี่ยที่เหลือไว้ให้กันบ้าง ก็จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง

        ดังนั้น ในการคัดสรรบุคคลเข้าเป็นกรรมการในครั้งนี้ ผมจึงแจ้งให้ท่านๆที่เป็นผู้ใหญ่ในชมรมฯทราบว่าผมขอสละสิทธื์ จะได้ไม่ต้องลำบากใจในการคัดเลือกกรรมการชุดใหม่ ก็บอกเพียงว่าสุขภาพไม่ค่อยดี แต่ในใจก็คิดว่าเป็นมาสองสมัยแล้ว เป็นต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์ ความคิดต่างๆก็ปล่อยไปหมดแล้วก็ได้แค่นั้น อีกประการก็คือเป็นมารยาทเพื่อเปิดโอกาสให้ประธานคนใหม่ได้มีสิทธิ์เลือกคนที่ต้องการโดยไม่ตะขิดตะขวงใจถ้าเขาไม่อยากเลือกเรา(จริงๆก็กลัวเขาจะไม่เลือกเราเหมือนกัน กลัวเสียหน้าเลยรีบสละสิทธิ์เสียก่อน)

       จากวันนั้น ผมก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับชมรมฯอีกต่อไป (เขาก็คงไม่ไห้ยุ่งหรอก) และก็ไม่ได้เข้าไปที่สหกรณ์บ่อยนักนอกจากไปทำธุระเรื่องเงิน

       การหลุดจากวงจรต่างๆ เราก็เหมือนถูกตัดออกจากสังคม เมื่อไม่ได้พบปะพูดคุยกับใคร ผมจึงไม่ได้รับทราบข่าวสารใดๆในองค์กรที่เกี่ยวกับพวกเรา นี่คือสาเหตุที่ผมต้องหยุดเขียนบล็อกนี้ไปเสียนาน อีกประการหนึ่งก็คือสุขภาพไม่ค่อยดี ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ โรคประจำตัวก็ยังอยู่ โรคใหม่ก็แวะมาเยี่ยมเยียนกันบ้างบางครั้งบางคราว มันคงเป็นไปตามกาลเวลานั่นแหละ เพราะมันใกล้เกณฑ์เฉลี่ยเข้ามาทุกที




        เมื่อไม่มีข่าวไม่มีเรื่องที่จะเขียน และก็มีอารมณ์ต่างๆแปรปรวนไปตามภาษาคนแก่ เดี๋ยวอยากเดี๋ยวเบื่อ เดี๋ยวมีความสุข เดี๋ยวมีความทุกข์  เดี๋ยวอยากจะพูด เดี๋ยวอยากจะเงียบ....เมื่อคิดดูแล้ว การเงียบเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าเราควบคุมคำพูดเราไม่ได้ เราไม่มีโอกาสที่จะถอนคำพูด(เหมือนในสภาฯ)ได้ แล้วความเสียหายมันจะเกิดแก่ตัวเราเอง ก็เลยเลือกเอา "เงียบ" ไว้ดีกว่า

        แต่ก็อดไม่ได้เมื่อเดือนกันยาฯย่างเข้ามา ใจก็นึกถึงว่าเวลามันช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน เผลอแป๊บเดียวก็จะมีผู้เกษียณออกมาอีกรุ่นแล้ว 

        ทุกครั้งที่ถึงวันใกล้เกษียณ ผมก็มักจะใช้โอกาสนี้ทักทายต้อนรับผู้เกษียณที่บล็อกนี้เป็นประจำ ถึงแม้อาจจะมีผู้เกษียณเข้ามาอ่านเพียงไม่กี่ท่านก็ตาม

       เมื่อมาถึงเดือนนี้ ผมจึงทนไม่ได้ ทั้งๆที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เข้ามาดูบล็อกนี้ คือจะปล่อยให้มันแห้งตายไปเอง จึงเมื่อ 2-3วันมานี้ ลองคลิ๊กเข้ามาดูก็ต้องแปลกใจที่มีสถิติการเข้าดูมาอย่างต่อเนื่อง เราก็คิดว่าเมื่อมีคนเข้ามาดู แล้วเราไม่เขียน เขาจะว่าอย่างไร เหมือนที่เราไปดูของคนอื่นแล้วเขาไม่อัพเดทเลย เราก็คงจะตำหนิเขา บ่อยเข้าก็ไม่แวะไปอีกเลย

        ถึงแม้จะไม่มีตำแหน่งแห่งหนอะไร และก็ไม่มีโอกาสไปพบกับท่าน ก็ขอแสดงความยินดีต้อนรับผู้เกษียณทุกท่านที่หน้าบล็อกนี้ก็แล้วกัน ขอให้ทุกท่านจงใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีสติ ในสถานการณ์เหตุการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน การใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเป็นสิ่งที่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่งครับ ขอให้ทุกท่านจงโชคดีและมีความสุขหลังเกษียณ และขอรวมทั้งท่านจากภายนอกที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้ทุกท่านด้วยครับ....

       สำหรับท่านๆที่กรุณาเข้ามาอ่านที่บล็อกนี้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน กฟน. อดีตพนักงาน กฟน. และท่านผู้อ่านทั่วๆไป (ที่ผมทราบว่ามีผู้อ่านทั่วไปด้วย ก็เนื่องจากมีการติดต่อพูดคุยกันเข้ามาบ้าง) ผมขอแจ้งไว้ ณ ที่นี้ว่า ต่อไปนี้ข้อเขียนต่างๆของผมคงเป็นเรื่องทั่วๆไป ที่ผู้อ่านทั่วไปอ่านกันได้ คงไม่มีข่าวคราวในวงการของพวกเรา(ผู้เกษียณ กฟน.)อีกต่อไป(เนื่องจากไม่มีข้อมูล) ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะคุยเรื่องอะไรดี เค้าว่าคนแก่มีประสบการณ์เยอะ ถ้าจะเอามาเล่ากันก็คงอ่านกันไม่หวัดไม่ไหว แต่มันเกรงว่าไอ้ประสบการณ์ที่จะเล่านี่มันมีผู้อื่นเกี่ยวข้องด้วยซี มันอาจจะไม่เหมาะ

        แล้วค่อยพบกันครับ ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วย คิดว่าอาทิตย์ละครั้งก่อนก็แล้วกัน

        ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ สวัสดีครับ


*************

No Response to "วันเริ่มต้นชีวิตใหม่"

แสดงความคิดเห็น