ยินดีต้อนรับ

ยินดีต้อนรับ

ทุกวันที่ 30 ของเดือนกันยาฯของทุกๆปี
จะเป็นวันสุดท้ายในการทำงานของผู้ที่มีอายุครบ 60 ปี จะมีเกินมาบ้างก็แล้วแต่วันปีเกิด

หลังจากวันนี้แล้ว  เป็นวันที่ท่านจะพบกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ที่ท่านได้ดำเนินมา 30-40 ปี ในช่วงที่ท่านทำงานหาเลี้ยงชีพ สร้างฐานะ สร้างครอบครัว จากการเป็นผู้นำของครอบครัว  ต่อจากนี้ไป ท่านจะไม่มีตำแหน่ง ไม่มีหน้่าที่  เหลือเพียง "ชายชรา" หรือ "หญิงชรา" ตำแหน่งที่เหลืออยู่ก็คือ "คุณตา" "คุณยาย" หรืือ "คุณปู่" "คุณย่า"  และก็อย่าพยายามไปเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นท่านจะถูกเปลี่ยนสรรพนามจากนักข่าวเป็น "เฒ่าลามก" หรือ "แม่เฒ่าชรา" ไปในทันที ทำให้เราที่นึกว่ายังไม่แก่ เกิดอาการช็อค  และก็จะเริ่มแก่อย่างเฉียบพลันขึ้นมาทันที

ตามที่ผมเกริ่นไว้ในคราวที่แล้วว่า "ทำไมถึงถูกทิ้ง"

ที่ "ถูกทิ้ง" ประการแรกที่จะเล่าในวันนี้ ก็คือ "ถูกทิ้งจากสังคมของเพื่อนร่วมงาน"
เหตุผล....หลังจากท่านเกษียณแล้ว  ท่านก็ไม่ต้องไปทำงาน  จากที่เคยพบหน้าค่าตา น้องนุ่ง เพื่อนฝูง  ต่อไปนี้ก็ไม่เจอไม่พบกันอีกแล้ว  แรกๆก็อาจไปเยี่ยมที่ทำงานกันบ้าง  หรือติดต่อโทรศัพท์พูดคุยกันบ้าง  แต่ต่อๆไปก็จะเริ่มน้อยลงๆ เพราะน้องๆเราแต่ละคนก็มีภาระหน้่าที่ ที่จะต้องทำงาน ต่อสู้เพื่ออนาคตต่อไป การไปเยี่ยมน้องๆบ่อยๆ ก็เป็นภาระของน้องๆ ที่ต้องเสียเวลามาต้อนรับขับสู้กับเรา  ถ้าเกิดน้องๆไม่ว่างหรือไม่มีเวลาพอที่จะมาต้อนรับเราได้อย่างเต็มที่  เราก็อาจจะเสียใจ น้อยใจไปเปล่าๆ สู้เราเก็บความรู้สึกดีๆไว้ดีกว่า   หลังจากนี้ข่าวคราวจากเพื่อนร่วมงาน เช่นงานกินเลี้ยง  งานแต่งงาน งานบวช หรือแม้แต่งานศพฯลฯ  ที่แรกๆก็มีบอกกล่าวกันบ้าง  ต่อๆไปก็จะค่อยๆน้อยๆลง จนถึงไม่ได้รับข่าวกันเลย  ยกเว้นผู้ที่สนิทใกล้ชิดกันจริงๆ   อาจจะเป็นด้วยน้องๆเกรงใจว่า "แก่แล้ว" ไม่อยากรบกวน  หรืออาจคิดว่า พี่เขาไม่มีรายได้แล้วจึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมาช่วยงานใส่ซองกันอีกก็อาจเป็นได้

ข่าวคราวความเคลื่อนไหวในหน่วยงานต่างๆที่เราเคยเปิดดูในอินทราเน็ต ก็ไม่มีโอกาสที่จะเปิดดูได้อีกแล้ว

เคยได้อ่านชีวิตการทำงานของคุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์  ผู้บุกเบิกงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าภายใต้ "โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค"  ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในวัยที่ยังไม่ถึง 58 ปี  ท่านต้องเผชิญกับความเจ็บป่วย  ท่านรู้ว่าความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย  นอนรอความตาย มันทรมานอย่างไร  ท่านนึกเห็นใจผู้ป่วยอื่นๆที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ นอกจากเจ็บป่วยทางกายแล้ว   สิ่งที่ยิ่งกว่านั้นคือการเจ็บป่วยทางจิตซึ่งยากจะเยียวยา  ท่านจึงคิดจัดตั้งโครงการ "งานมิตรภาพบำบัด เพื่อนช่วยเพื่อน" เพื่อช่วยเยียวยาทางจิตของผู้ป่วย ในระหว่างที่มีการเจ็บป่วย  ซึ่งขณะนี้ภรรยาของท่าน ทญ.อพภิวันท์ นิตยารัมภ์พงศ์ เป็นผู้ดูแลอยู่

ความคิดข้างต้นทำให้คิดว่า  เรา(ผู้เกษียณ)ผุ้มีหัวอกเดียวกัน  ที่ "ถูกทิ้ง" เหมือนกัน  ต้องมาช่วยดูแลซึ่งกันและกัน ใครมีทุกข์มีสุข ก็มาเล่าสู่กันฟัง ปรับทุกข์กัน  หรือไปสนุกสนานกันในบางโอกาส เพื่อให้ชีวิตในบั้นปลายสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ  แจ้งข่าวคราวให้ทราบกันบ้างในบางโอกาส

แต่เนื่องด้วยเกษียณแล้ว  การติดต่อกันทีละหลายๆคน เป็นไปด้วยความลำบาก  นอกจากการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่(มีมานานแล้ว) แต่พวกเรารุ่นนี้ก็ไม่ค่อยจะถนัดนัก  จึงอยากจะแนะนำว่า หลังเกษียณแล้วรับเงินมาเยอะแยะ ให้เจียดเงินไปซื้อคอมพิวเตอร์มาสักเครื่อง  ไม่ต้องมีออปชั่นสูงมากนักหรอก  เดี๋ยวนี้ราคาถูกลงมาก  ราคาหมื่นกว่าบาทก็ใช้ได้ดีแล้ว   สมัยเมื่อยี่สิบปีก่อน ผมซื้อ สามหมื่นกว่าบาท มีฮาร์ดิสก์แค่กิ๊กเดียว  ตอนนี้จะไปบริจาคใครก็กลัวเขาจะขว้างออกมา รับไม่ทัน   เมื่อได้มาแล้วก็ให้ลูกสอนให้ เอาไว้เปิดเว็ปดูข่าวสารหรือสารพัดสิ่ง นั่งดูทั้งวันก็ไม่เบื่อ (ตอนนี้ก็อ่านเรื่องดาราสองคนไม่หวัดไม่ไหว)

และก็เป็นโอกาสที่ดีที่ตอนนี้สหภาพของเรา (ที่เราหมดสมาชิกภาพหลังวันที่ 30 กันยา) ได้เปิด website ขึ้นมาชื่อ www.meawu.org  เราก็เลยขอใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารไปพลางก่อน  (หวังว่าท่านประธานสหภาพคงไม่ว่าอะไร) ขณะนี้ผมกำลังศึกษาการทำเว็ปอยู่  เว็ปสำเร็จรูปที่ง่ายๆเสียค่าใช้จ่ายน้อยๆ เพื่อเป็นช่องทางสื่อสารระหว่างผู้ที่ "ถูกทิ้ง" ด้วยกัน  ทั้งๆที่เคยขอสหกรณ์ซึ่งมีเว็ปอยู่แล้วค่าใช้จ่ายก็เป็นของพวกเรา  เพื่อจะขอหน้าสำหรับผู้เกษียณได้แจ้งข่าวสารกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ (เออ...มึงไม่เกษียณมั่งก็ให้มันรู้ไป)

ในอเมริกา ตอนนี้เขาแนะนำให้ผู้เกษียณไปเรียนและใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็น  เพราะนอกจากจะเป็นการพักผ่อน ทำให้ไม่เหงา  และยังพิสูจน์แล้วว่า ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์จะไม่ค่อยเป็นโรคสมองเสื่อม(และอาจจะแก้โรคเซ็กเสื่อมได้อีกต่างหาก ถ้่าใช้ให้เป็น)

ทั้งหมดนี้คือการ "ถูกทิ้ง" เรื่่องแรก  ยังมีเรื่องที่ถูกทิ้งอีก   โปรดติดตามตอนต่อไป

ขำกันหน่อย
ในงาน "เกษตรกร" จังหวัดหนึ่ง  ผู้ว่าราชการจังหวัดและภริยาได้รับเชิญให้เป็นประธานในงาน
ระหว่างเดินชมการสาธิตกิจกรรมการเกษตรต่างๆ  ก็ได้เดินมาถึงโรงผสมวัวพันธุ์ชั้นดีจากต่างประเทศ
ผู้บรรยายก็บรรยายว่าพ่อพันธุ์ตัวนี้สามาถผสมพันธุ์ได้วันละเป็นสิบครั้ง  พร้อมได้สั่งผู้ช่วยให้จูงวัวแม่พันธุ์  ซึ่งยืนเรียงรายอยู่ประมาณสิบตัว ออกมาตัวหนึ่งเพื่อจะสาธิตให้ผู้ว่าดู

เมื่อเสร็จสิ้นการสาธิตของแม่วัวตัวแรก ผู้บรรยายก็บอกผู้ช่วยให้นำแม่วัวตัวต่อไปออกมา

ภริยาผู้ว่า ทำกระมิดกระเมี้ยน กระซิบข้างหูผู้ว่า "แหม ..วัวตัวนี้มันเก่งจริงๆ ท่านน่าจะเก่งอย่างนี้บ้าง..."
ผู้ว่าหันมามองภริยา  ด้วยดวงตาที่รู้ความหมาย  แล้วกระซิบกลับไปว่า "คุณไม่เห็นหรือว่า มันไม่ใช่แม่วัวตัวเดิม"

*******************

No Response to "ยินดีต้อนรับ"

แสดงความคิดเห็น