ช่องทางสื่อสารของคนเกษียณ (1.)



การสื่อสารหลังเกษียณ (1)

          มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าสร้างโลกเสร็จแล้ว ก็เริ่มสร้างมนุษย์ และสรรพสัตว์ต่างๆ เมื่อสร้างสัตว์ต่างๆแล้วก็กำหนดหน้าที่และชีวิตของแต่ละตัวว่าจะต้องทำอะไร มีหน้าที่อย่างไรบ้าง 

           เริ่มด้วยวัว ที่ต้องทำหน้าที่ทำนาทำไร่ ให้นม และก็กำหนดอายุว่าวัวจะมีอายุได้เท่าไร  เมื่อรู้ว่าตัวจะมีอายุเท่าไหร่ วัวจึงบอกพระเจ้าว่า "โอ๊ย...ให้ข้าทำงานหนักอย่างนี้ จะให้ข้ามีอายุยืนยาวขนาดนี้ ข้าไม่เอาหรอก ข้าขอคืนไป 30 ปีก็แล้วกัน" พระเจ้าก็ไม่ว่าอะไร


          ต่อมาเป็นลิง  ซึ่งพระเจ้าให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี จะเล่นจะทำท่าทางอย่างไรก็ได้  ให้ผู้ที่ได้พบเห็นได้สนุกสนาน ครื้นเครง มีความสุข  ลิงก็บอกกับพระเจ้าว่า "โอ๊ย...ให้ข้าทำอะไรเล่น ไร้สาระไปวันๆเช่นนี้  ข้าไม่อยากได้แล้ว  จะให้ข้าอายุยืนอย่างนี้ ข้าไม่เอาหรอก  ข้าขอคืนอายุไป 10 ปี ก็แล้วกัน ว่าแล้วก็ยักคิ้ว แยกเขี้ยวหลอก(พระ)เจ้าไปแผลบหนึ่ง   พระเจ้าก็ไม่ว่าอะไร แต่เผลอจะเอาไม้เท้าฟาดกระบาลไอ้ลิงที่บังอาจมาหลอกเจ้าสักโป๊ก เจ้าลิงรู้ทัน รีบกระโดดแผลว ขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ๆได้ทัน


          ตัวต่อมาเป็นหมา


.....แหม ต้องไปชงกาแฟกินสักถ้วย ชักง่วง.....รออ่านต่อนะครับ...


          ครับ..ตัวต่อไปคือ "หมา" หรือที่คนสมัยนี้เรียกว่า "สุนัข" นั่นแหละครับ จนกระทั่ง "คลองหมาหอน" ที่เรียกกันมานมนาน(นานนะครับ ไม่ใช่ยาน) พวกดัดจริตมาเปลี่ยนเป็นคลอง "สุนัขหอน" ฟังแล้วมันทุเรศสิ้นดี  ท่านลองคิดดูซิว่าเวลาเราเรียกใครว่า "ไอ้ชาติสุนัข" กับเรียกว่า "ไอ้ชาติหมา" อย่างไหนมันจะสะใจกว่ากัน


          พระเจ้ากำหนดให้หมามีหน้าที่เป็นเพื่อนคอยช่วยเหลือมนุษย์ ต้องซื่อสัตย์ต่อมนุษย์ คอยช่วยเฝ้าบ้าน เฝ้าทรัพย์สิน คอยเห่าหอนเวลามีคนมาใกล้ๆเื่พื่อให้เจ้าของรู้
          เจ้าหมารู้หน้าที่ของตัวแล้ว เห็นว่าอายุที่พระเจ้าให้มาดูจะมากไป ขืนมีอายุยืนขนาดนั้น มันคงต้องเห่าจนเป็นโรคคออักเสบแน่ๆ มันจึงขอคืนให้พระเจ้าไป 10 ปี


         ทีนี้ก็มาถึงคิวของคนหรือที่เรียกว่ามนุษย์  ซึ่งนั่งฟังพระเจ้าเจรจากับสัตว์ต่างๆมาตลอด  
          เมื่อเข้าไปหมอบอยู่หน้าพระเจ้า  พระเจ้าเห็นว่า เออมนุษย์นี่มันหน้าตาท่าทางดูดีกว่าสัตว์อื่นๆ ร่างกายก็ดูอ้อนแอ้นไม่แข็งแรงเท่าสัตว์อื่นมันคงทำอะไรไม่ค่อยไหว ฉะนั้นเราจะต้องให้มันมีชีวิตที่สุขสบายหน่อย เมื่อเกิดมาต้องมีคนคอยดูแล โตขึ้นก็ไม่ต้องทำมาหากิน ต้องมีคนคอยเลี้ยงดู ให้มันเที่ยวเตร่คบเพื่อนคบฝูงสนุกสนานกันไปตลอดชีวิต 20 ปีที่พระเจ้ามอบให้
          มนุษย์ได้ฟังดังนั้น ก็คิดว่า โอ้ ชีวิตเราช่างสะดวกสบายสนุกสนานเสียเหลือเกิน แต่พระเจ้าให้เวลาเราน้อยเกินไปซะแล้ว เมื่อกี๊นี้เราได้ยินสัตว์อื่นๆคืนอายุให้พระเจ้าไปรวมแล้วหลายสิบปี คิดได้ดังนี้แล้วไม่ได้การ(เหมือนลิเกมั๊ยครับ) เราจะต้องขออายุของสัตว์เหล่านั้นมาเป็นของเราซะ
          เมื่อพระเจ้ารู้ความประสงค์ของมนุษย์แล้วก็ไม่ขัดข้อง (ไม่ต้องยื่นหนังสือยื่นข้อเรียกร้องขอปรับสภาพการจ้างแต่ประการใด) "เอ้า เจ้าจะเอาทั้งหมดเหรอ ตกลง เอาของวัวไป 30 ปี เอาของลิงไป 10 ปี เอาของหมาไปอีก 10 ปี รวมแล้วเป็น 70 ปี OK นะ (แน่ะพระเจ้าเดาะภาษาอังกฤษเสียหน่อย..สงสัยพระเจ้านี่ ท่าจะเป็นคนไทย)
         ว่าแล้ว พระเจ้าก็สั่งปิดประชุม เพราะดูแล้วพวก ส.ส. เอ๊ยพวกสัตว์ต่างๆแว้บหายไปเยอะแล้ว เดี๋ยวไอ้พวก เสือ สิงห์ กระทิง แรด ที่เหลืออยู่มันขอนับองค์ประชุมขึ้นมา จะเสียหน้ารัฐบาล เอ๊ย..เสียหน้าพระเจ้าเสียเปล่าปลี้....


       ...เรื่องจะเป็นอย่างไร พักไว้ก่อน รอประชุมครั้งต่อไป...


          เรามาเข้าเรื่องที่จั่วหัวไว้ว่า "การสื่อสารหลังเกษียณ" กันดีกว่า
          ที่นำเรื่องนี้มาคุย ก็เพราะผู้ที่เกษียณแล้ว ก็เสมือนว่าได้ถูกตัดขาดเปลี่ยนสภาพของสังคมไปสู่อีกสังคมหนึ่ง  ที่เคยอยู่ในสังคมเพื่อนร่วมงาน ก็จะไปอยู่ในสังคมครอบครัว เพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นสังคมเล็กๆ เพื่อนฝูง น้องนุ่งที่ทำงานก็ต้องห่างเหินกันไป เพื่อนรุ่นเดียวกันก็แยกกันไป ต่างคนต่างอยู่  บางคนตายจากกันไปโดยไม่มีใครรู้ มารู้อีกทีก็ในหนังสือของ ฌฟน.นั่นแหละ


         วันนี้เราจึงจะมาดูกันว่า หลังเกษียณแล้วเราสามารถทราบข่าวคราวจากทางใดได้บ้าง และจะได้ประโยชน์จากสื่อเหล่านั้นอย่างไรบ้าง
          ขอเริ่มด้วยวารสารในกลุ่มของสหกรณ์มีดังนี้
         "ข่าว สอฟ." เป็นรายงานผลการดำเนินงานของสหกรณ์ฯ และบทความทัศนะต่างๆของกรรมการสหกรณ์ฯ และหากเป็นช่วงเวลาการเลือกตั้งกรรมการฯ ก็จะค่อนไปทางใช้ในการกล่าวหา หรือแก้ข้อกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามของกรรมการชุดที่บริหารอยู่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกอย่างไร สมคารหรือไม่ ก็แล้วแต่สมาชิกแต่ละท่านจะใช้วิจารณญาณคิดได้เอง  วารสารนี้แจกให้แก่สมาชิกสหกรณ์ ผู้ที่เกษียณแล้วจะจัดส่งให้ถึงบ้านเลยครับ  หากใครไม่ได้รับ แจ้งสหกรณ์ได้เลย



          แต่สิ่งที่อยากจะเห็นใน "ข่าว สอฟ." คือข่าวความคืบหน้าของคดีความต่างๆ ที่กล่าวหากันในระหว่างการหาเสียง  การติดตามความสูญเสียต่างๆของสหกรณ์ เช่นหนี้สูญฯลฯ  วิสัยทัศน์ในการบริหารสหกรณ์ในภาวะปัจจุบัน  แนวโน้มในการลงทุนภายนอกของสหกรณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตจะเป็นอย่างไร ภาวะของอัตราดอกเบี้ยภายนอกที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ขณะนี้ สหกรณ์มีนโยบายอย่างไร   มีความคิดและทางออกอย่างไรในการที่เงินปันผลมีแนวโน้มลดลงตลอดเวลา มีการสรุปผลการประชุมในกรณีสำคัญๆที่มีผลกระทบต่อสหกรณ์และหรือสมาชิก
         
          หวังว่ากรรมการแต่ละท่านที่เขียนบทความในวารสารนี้จะเขียนในสิ่งที่สมาชิกอยากรู้ น่าจะนำประเด็นข้างต้นมาชี้แจง หรือแจ้งความคืบหน้า ว่าเป็นไปอย่างไร  ไม่ใช่จะเขียนแต่ในสิ่งที่ท่านอยากเขียน  หรือจะเขียนเฉพาะตอนหาเสียง ซึ่งเขียนแจกแจงข้อมูลได้ "ละเอียด" ดีจริงๆ แต่หลังเลือกตั้งเสร็จ  เหตุการณ์ก็สงบเงียบดังผิวน้ำในบ่อน้อยยามดึกคืนพระจันทร์เต็มดวง 
      
       อีกสองเล่ม ก็เป็นรายงานประจำปีของสหกรณ์ออมทรัพย์ฯและของสหกรณ์บริการฯ ซึ่งท่านจะได้รับแจกในวันประชุมใหญ่(ปีละครั้ง) ซึ่งเป็นเรื่องปกติของหนังสือประเภทนี้  ไม่ค่อยมีคนสนใจอ่าน บางคนรับไปแล้วก็ไปวางทิ้งไว้ตามโต๊ะอาหาร  แต่ถ้าใครมีความพยายามหน่อย ค่อยๆดูไป อาจจะพบอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ ไว้ถ้ามีเวลาจะอ่านมาวิเคราะห์กันดู


        เล่มต่อไปเป็นวารสารของสหภาพฯ คือ "ข่าวลูกจ้าง" เล่มนี้เป็นข่าวของสหภาพฯซึ่งจะออกเป็นระยะๆ แล้วแต่ความขยันของกรรมการแต่ละชุด  ผู้เกษียณต้องหมดสมาชิกภาพไปตามกฎหมาย จึงไม่มีแจกให้ผู้เกษียณ แต่ในทางอ้อมการเรียกร้องสวัสดิการต่างๆที่ได้รับหลังการเกษียณของสหภาพฯก็จะมีผลต่อผู้เกษียณด้วยเช่นกันเช่นการรักษาพยาบาลเป็นต้น  วารสารนี้มีวางตามเขต กฟน. ผู้เกษียณท่านใดสนใจ ลองไปถามหาตามเขตดูได้  สำหรับผมจะพยายามติดตามวารสารนี้ หากมีข่าวเกี่ยวกับผู้เกษียณ จะนำมาแจ้งให้ทราบ (ได้เขียนไปก่อนหน้านี้แล้ว  เรื่องการรักษาพยาบาล)


         เล่มต่อไป ... เป็น "ข่าวสาร ชกฟน." วารสารนี้จัดทำโดย "ชมรมพนักงานเกษียณอายุ" สโมสรการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งได้พัฒนารูปเล่มและเนื้อหามาตลอดจนปัจุบันมีรูปเล่มที่สวยงาม และมีเนื้อหาและข่าวคราวที่น่ารู้น่าสนใจ
          เล่มนี้ส่งให้ถึงบ้าน สำหรับสมาชิกของชมรมฯ (ชกฟน.)






          ทีนี้ก็มาถึง "จดหมายข่าว ชสอฟ." จดหมายข่าวนี้ ออกโดย "ชมรมสมาชิกผู้เกษียณอายุสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ที่ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ  จัดทำโดยฝ่ายประชาสัมพันธ์ของชมรมฯ  วารสารนี้เน้นไปทางสุขภาพและการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ และด้านธรรมเป็นต้น ออกเป็นแบบเอกสารถ่ายสำเนา(ตามทุนทรัพย์) อันนี้ก็ส่งถึงบ้านสมาชิกทุกคนเหมือนกันครับ






          วาระสุดท้าย..เอ๊ย  ไม่ใช่...
          ฉบับสุดท้ายที่เราผู้เกษียณจะได้รับกันปีละฉบับ ก็นี่แหละครับ "ข่าว ฌฟน." ตราบใดที่ท่านยังได้อ่าน ก็สบายใจได้ ว่าท่านยังอยู่ดีอยู่  ท่านจะได้ประโยชน์จากข่าวนี้ 2 เรื่องคือ
         หนึ่ง. ท่านจะรู้ว่าคนที่ท่านรู้จักเสียชีวิตไปแล้วกี่คน
          สอง. เป็นหนังสือที่ให้ลูกหลานพับเก็บไว้ คอยเตือนว่าเมื่อไหร่ครบกำหนดต้องส่งเบี้ยฌาปณกิจฯ "ถ้าเอ็งลืมส่ง ข้าตายไป เอ็งไม่ได้เงินกัน ข้าไม่รู้ด้วยนะ"
ในนี้จะมีรายละเอียดวิธีการชำระเงิน หมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อ คำแนะนำที่มีประโยชน์ควรเก็บไว้  
          ก่อนๆนั้น นานมาแล้วผมเคยทราบว่า ในปีหนึ่งๆ มีสมาชิกหมดสมาชิกภาพไปปีละหลายๆคน จะโดยสาเหตุใดก็แล้วแต่  และถ้าเป็นคนแก่ที่หมดสภาพความจำเสื่อม ลูกหลานไม่รู้เรื่อง ขาดส่งค่าสมาชิกยิ่งน่าเสียดายและน่าสงสาร ที่ส่งค่าสมาชิกมาตลอดชีวิต ถึงเวลาจะใช้สิทธิ์ กลับไม่ได้ใช้เสียนี่  แต่เดี๋ยวนี้ ฌฟน.มีการออกจดหมายเตือนและมีการยืดหยุ่นเวลาการชำระเงินให้ ก็นับว่าเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกยิ่งขึ้น(ใครย้ายที่อยู่ ควรแจ้ง ฌฟน.นะครับ)  
          สำหรับผม ผมไม่รีบนะครับ ยินดีส่งค่าสมาชิกไปได้เรื่อยๆ อยากช่วยเหลือผู้อื่นไปอีกนานๆ


          สำหรับสื่อที่องค์กรที่เราเป็นสมาชิกอยู่ต่างๆกันนั้น มีการจัดทำสื่อต่างๆ  ที่สมาชิกผู้เกษียณได้รับ ก็คงมีเท่านี้แหละครับ
         ตอนต่อไปเราจะมาคุยกันว่า เราจะมาช่วยกันอย่างไร ให้พวกเราที่ยังคิดถึงเพื่อน หรือต้องการแก้เหงา จะมีวิธีการอย่างไรในการติดตามข่าวสารต่างๆ  หรือองค์กรที่เราเป็นสมาชิกอยู่ จะสามารถช่วยเราได้อย่างไรบ้าง


          โปรดติดตามตอนสองนะครับ.....


         อ้อ....แล้วมนุษย์ที่ได้อายุรวมกันมาแล้วถึง 70 ปี จะเป็นอย่างไรต่อไป คอยอ่านตอนสองอีกเช่นกันนะครับท่าน


          สวัสดีสำหรับวันนี้






******************




















No Response to "ช่องทางสื่อสารของคนเกษียณ (1.)"

แสดงความคิดเห็น