ช่องทางสื่อสารของคนเกษีนณ (2)

การสื่อสารหลังเกษียณ (2)


        
          กลับมาแล้วครับ หลังจากมีเรื่องอื่นๆมาคั่นไปเล็กน้อย ใครที่ไม่ได้อ่านตอน 1 จะย้อนไปอ่านย้อนหลังก่อนก็ได้นะครับ หรือจะไม่อ่านก็ไม่เป็นไรครับ

         มีผู้อ่านสงสัย อยากรู้ว่าในตอนที่แล้ว มนุษย์ที่ขออายุมาจากพระเจ้าจนรวมกันแล้วได้ถึง 70 ปี จะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามนะครับ

          เอาหละ กลับมาที่คนเกษียณกัน

          นี่ก็เหลืออีกประมาณสองเดือนกว่า ก็จะมีน้องใหม่ออกมาอีกสามร้อยกว่าคน  ในสังคมผู้สูงอายุก็จะมีสถิติเพิ่มมาอีกสามร้อยกว่าคน ตามสถิติเขาว่าอีกสิบปีข้างหน้า จะมีผู้สุงอายุกว่าสิบล้านคนนั่นแน่ะ

          ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ก็จะมีคนที่ลุกจากที่นอนออกมาแล้วก็เก้ๆกังๆ เดินไปเดินมา วันนี้จะทำอะไรดีน้า  บางคนวันแรกๆก็อาจจะคิดว่า เอ้อ..สบายจริง(โว๊ย) ไม่ต้องไปทำงาน เมื่อเดินไปเดินมาจนครบเดือนแล้วนี่หละ จะใจหาย เฮ้ย สิ้นเดือนแล้วว่ะ แต่เราไม่ได้รับเงินเดือนแล้ว โอ้โฮ หายไปตั้งหลายหมื่น ใจมันหวิวๆชอบกล

          เมื่อครั้งที่แล้วเราพูดถึงว่าเวลาเราเกษียณแล้วนี่ เราพอจะติดตามข่าวคราวของพวกเรากันได้ทางใดได้บ้าง  ยกตัวอย่างที่เราจะได้รับข่าวก็มาจากวารสารสหกรณ์บ้าง วารสารจากชมรมฯบ้าง นอกเหนือจากนี้เรายังมี Website ที่มีข่าวคราวที่เราควรติดตาม ก็คือ Website ของสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ คือ www.meacoop.com ซึ่งจะมีข้อมูลต่างๆที่เราควรรู้ บางคนไม่อยากมาเบิกเงินที่วัดเลียบ ก็อาจจะคอยดูตารางรถโมบาย คอยไปเบิกที่เขตใกล้บ้านเป็นต้น อีก Website หนึ่งเป็นของสหภาพฯคือ  www.meawu.org  ถึงแม้เราจะหมดสมาชิกภาพการเป็นสมาชิกสหภาพไปแล้วก็ตาม  แต่ก็ควรติดตามสนใจข่าวคราวดูบ้าง โดยเฉพาะกรรมการชุดนี้ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้มีการปรับปรุงเรื่องการรักษาพยาบาลและปรับปรุงโรงพยาบาลให้มีหมอและมีเครื่องไม้เครื่องมือครบถ้วนสมบูรณ์ขึ้น  ซึ่งพวกเราผู้เกษียณก็จะได้รับประโยชน์ตรงนี้ด้วย  และตอนนี้ได้ทราบจากท่านประธานสหภาพฯคุณประจวบ คงเป็นสุข และรองฯทั้งสองท่านคือคุณคมสัน ทองศิริ และคุณสมาน ขามเทศทอง ซึ่งดูแลงานประชาสัมพันธ์อยู่ ว่ากำลังปรับปรุงเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้ทันสมัยและกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจะมีการแบ่งพื้นที่ให้มีข่าวสำหรับผู้เกษียณส่วนหนึ่งด้วย  ก็นับได้ว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ผู้เกษียณจะมีโอกาสได้ติดตามดู  หากมีอะไรที่จะช่วยกันได้ จะได้ไปช่วยกัน อย่างน้อยไปเป็นกำลังใจให้น้องๆกันบ้างก็ยังดี  

         ส่วนผู้ที่เคยติดตามข่าวสารทาง Intranet ของการไฟฟ้านครหลวงก็คงต้องกล่าวคำอำลา เพราะเมื่อท่านไม่ได้ทำงานแล้ว ท่านก็ไม่มีโอกาสเข้าไปเปิดดูได้อีก จะเปิดจากที่บ้านนั้น เข้าไม่ได้ครับ ส่วน Website ของ กฟน. คือ www.mea.or.th คงจะไม่มีข่าวสารสำหรับพวกเรานอกจากการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงาน อาจมีกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุบ้าง แต่ก็เป็นกิจกรรมของผู้สูงอายุที่เป็นลูกค้า กฟน.เพื่อการประชาสัมพันธ์ (ที่จริงตอนนี้เราก็เป็นลูกค้า กฟน.เหมือนกันนะเพราะเราก็ต้องจ่ายค่าไฟให้ กฟน.เหมือนกัน)  ยกเว้นใครอยากรู้ว่าตอนนี้ใครเป็นผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ก็เปิดเข้าไปดูหน้าตากันได้  

          เพราะฉะนั้นในงานเลี้ยงเกษียณวันสุดท้ายนั่นแหละ ท่านจงเก็บความสุขความทรงจำไว้ไห้ได้มากที่สุด หลังจากวันนั้นแล้ว จะไม่มีนายคนไหนมายิ้มหวานเอ็นดูเอาอกเอาใจพูดเพราะๆกับท่านเหมือนวันนั้นอีกแล้ว

          นอกจาก Website ที่เรารู้จักตามที่กล่าวมาแล้ว  ท่านสามารถหาข่าวสารข้อมูลจาก Website ต่างๆอีกมากมาย หากท่านมีเวลา ว่ากันว่าถ้าท่านนั่งเปิดอินเตอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมงท่านจะต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆปีท่านจึงจะเปิด Website ได้ครบ 

          แต่ที่กล่าวมานี่ ท่านจะต้องมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์บ้างเล็กน้อย

         ซึ่งไม่ยากเลย ให้ลูกหลานสอนให้ก็ได้ อีกอย่างท่านจะต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์และต้องเช่าสายอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ราคาก็ไม่แพง พอๆกับเรารับหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ แต่ในอินเตอร์เน็ตเราสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ได้ทุกฉบ้บ

          พูดถึงผู้สูงอายุหัดใช้อินเตอร์เน็ตแล้ว ผมนึกถึงผู้เกษียณท่านหนึ่ง ท่านหัดใช้คอมพิวเตอร์เมื่อเร็วๆนี้เอง ท่านอายุเท่าไหร่แล้วรู้ไหม ท่าน 70 กว่า ผมว่าน่าจะใกล้ 80 แล้วมั๊ง(ไม่รู้เกินไปหรือเปล่า เดี๋ยวเจ้าตัวจะโกรธ)  เดี๋ยวนี้ท่านร่วมวงเป็นสมาชิกกับพวกเราใน Facebook คุยกันสนุกสนาน ตอนแรกท่านก็ขลุกๆขลักๆ แต่ได้ลูกๆช่วยกันประคองจนตอนนี้สบายแล้ว  หากใครสนใจลองเข้าไปคุยกับท่านได้ครับแอดไปที่ facebook.com/sombun ok-veja ที่ยกตัวอย่างมานี่ ต้องการให้กำลังใจแก่ผู้สูงอายุที่กลัวคอมพิวเตอร์ครับ ก็ต้องขออนุญาตที่กล่าวชื่อพี่สมบุญด้วยครับ

          ตอนนี้เราจะมาพูดถึง Social Media คือการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันในสังคมอินเตอร์เน็ต ที่กำลังฮิตกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งรุ่นเดียวกับผมหรือรุ่นใกล้ๆกัน ไม่ค่อยมีใครจะสนใจกันนัก อ้างว่าไม่เคยใช้  จะมีบางคนเท่านั้นที่ลองพยายามใช้ดู พอใช้เป็นแล้วเริ่มจะติดใจ  ไม่ใช่อะไรหรอกครับ รุ่นๆผมนี่ ส่วนมากแล้วจะเป็นประเภท "กลัว" คอมพิวเตอร์ คือยังไม่ทันทดลองเลยก็กลัวไว้ก่อน ไม่กล้าไปแตะมัน ก็ไม่ว่ากันครับ ใครชอบทางไหนก็แล้วแต่สะดวก สำหรับท่านที่ไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่น ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี สำหรับผู้ที่ว่างนะครับ  ก็อยากจะชวนมาใช้ "social media" (พูดให้มันโก้ๆหน่อย)ที่เราจะพูดถึงต่อไป

         มันมีหลายอย่างครับ แต่ที่จะแนะนำวันนี้ คือ Facebook ครับ คงจะไม่กล่าวความเป็นมาและคุณสมบัติของมันให้เสียเวลาครับ ใครที่กำลังจะเกษียณถ้ายังทำไม่เป็นให้น้องๆในที่ทำงานช่วยแนะนำและสมัครเป็นสมาชิกให้หน่อยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีหรอกครับ หลังจากนั้นก็ค่อยหาเพื่อนไปเรื่อยๆ  ถ้ายังหาเพื่อนไม่ได้ ลอง add มาที่ Facebook.com/ชุมชน คนเกษียณ ก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวมันก็จะมีชื่อคนอื่นๆที่ท่านอาจรู้จักให้ add ต่อกันไปเรื่อยๆ  แล้วท่านก็จะมีเพื่อนคุยเป็นร้อยในอนาคต

          ลองดูนะครับ ไม่ยากเลย และตอนนี้กรรมการสหภาพฯ  กรรมการสหกรณ์ก็เริ่มเปิด Facebook กันหลายท่านแล้ว ก็คงจะมีการประชาสัมพันธ์แจ้งให้ทราบกันต่อไป รวมทั้งจะมี Facebook ขององค์กร คือของสหภาพฯ และของสหกรณ์ฯทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางให้สมาชิกได้ติดต่อพูดคุยกันอีกทางหนึ่ง   อีกหน่อยใครมีข้อสงสัยใดๆสามารถสอบถามได้ทันทีเลย  ดังนั้น สำหรับผู้เกษียณแล้วควรมีไว้เป็นอย่างยิ่งเพราะข่าวคราวที่ท่านได้จากที่ทำงานเมื่อเกษียณแล้วท่านก็จะไม่ได้รับอีกต่อไป 

          ในฐานะที่ผมเกษียณมาก่อน(ไม่ใช่ว่าดีนะ) ก็อยากจะแนะนำ สำหรับผู้ที่มีเวลาว่างและใจรัก มีช่องทางมาพูดคุยกันแก้เหงาครับ  หรือใครไม่อยากคุย แต่อยากจะติดตามข่าวคราวก็แวะมาอ่าน Blog ที่ผมเขียนอยู่นี้ได้ครับ  hhtp://60society.blogspot.com มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ก็คุยกันไป  เปิด Blog มาประมาณ 10 เดือนมีคนคลิ๊กเข้าดูประมาณเกือบ 5,000 ครั้งแล้ว มีสมาชิกอยู่ 4 ท่าน เป็นลูกสาวเสียหนึ่ง (หน้าม้า) คุณหมอลูกสาวเพื่อนให้เกียรติมาอีกหนึ่ง รวมเป็นสอง อีกสองท่าน ที่ผมถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง คนหนึ่งเป็นคนที่เคยคุ้นเคยกันคือคุณสรายุทธ เทศผล(ขออนุญาตเอ่ยนาม) ทราบว่าจะเกษียณในปีนี้ อีกท่านหนึ่งน่าจะเป็นบุคคลภายนอก ถ้าท่านที่กล่าวถึงนี้มีโอกาสได้อ่านในวันนี้ ขอให้ทราบว่าผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ให้กำลังใจในครั้งนี้  ความดีใจของผู้เขียนหนังสือ ก็คือมีผู้อ่าน 

          ตัวชี้วัดด้านปริมาณ ก็คือจำนวนครั้งของคนเข้าดู อีกตัววัดหนึ่งวัดด้านคุณภาพก็คือจำนวน "สมาชิก" คนอาจเข้าดูเยอะ แต่บทความไม่ดีก็ไม่มีผู้ติดตาม "สมาชิก"แสดงถึง "ความชอบ" เช่นการ "Like" ใน Facebook ใครได้ "Like" มาก ก็หมายความว่า ชอบมาก  เมื่อเขียนแล้วไม่ถูกใจผู้อ่านก็ต้องทบทวนแล้วครับ  อาจต้องหยุดพักผ่อนสักพัก หรือจะไปหาสนามใหม่  นี่ขนาดเป็นประชาสัมพันธ์ให้ชมรมฯมา 2 ปี เค้ายังไม่ให้เขียนอะไรเลยครับ จนหมดวาระ เขียนไปแผ่นเดียวยังไม่ลงให้เลย เรื่อง "มือที่สาม"ที่ผมมาลงไว้ที่ Blog นี้แหละครับ ที่ว่าจะมีต่อ มันก็เลยไม่มี คงต้องเอามารวมในการพิจารณาตัวเองด้วยแล้ว

          หากใครคิดว่า Blog นี้ได้ประโยชน์บ้าง จะช่วยคลิ๊กเป็นสมาชิก ทางด้านขวามือของท่านก็ยินดีครับ จะได้เช็คเรตติ้ง ก่อนว่าควรเลิกเขียนได้แล้วหรือไม่

         เอ้า..มาเล่าเรื่องของ "มนุษย์" กันต่อ

         หลังจากที่ได้อายุรวมแล้วทั้งสิ้น 70 ปี

        20 ปีแรก มนษย์อยู่อย่างมีความสุขความสบายอย่างที่สุด เที่ยวเตร่สนุกสนาน ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ตามที่พระเจ้าได้กำหนดมา
        เมื่อครบ 20 ปีแล้ว ต่อไปเป็นชีวิตของวัว ที่พระเจ้ากำหนดหน้าที่การงานต้องลำบากตรากตำทำงานหนักเพื่อเลี้ยงผู้อื่น  เมื่อมนุษย์ไปรับชีวิตช่วงนี้มา จึงต้องรับเอาหน้าที่นี้มาด้วย ดังนั้นใน 30 ปีนี้มนุษย์จึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงครอบครัว
         
         ผ่านไปแล้ว 50 ปี สิ้นสุดความเหนื่อยยากของวัวเสียที ต่อไปก็เป็นชีวิตของลิง ตอนนี้ชีวิตเริ่มสุขสบาย มีลูกมีหลานให้เลี้ยง พอดีเลยเอานิสัยลิงมาใช้ได้อย่างเหมาะเจาะ ได้ทำท่ายักคิ้วหลิ่วตาแลบลิ้นทำท่าขยุกขยิกเล่นเป็นลิงหลอกหลานไปพลางๆจนได้เวลาสิบปี

        เมื่อครบ 60 ปี หลานๆก็เริ่มโตแล้ว เบื่อแล้ว เล่นกับคุณตา คุณปู่ เล่นเกมก็ไม่เป็น ไปเล่นกับเพื่อนดีกว่า คุณตาคุณปู่ ตอนนี้ก็เกษียณแล้ว งานก็ไม่มีทำ เพื่อนฝูงก็หายหน้ากันไปหมด เพราะต่างคนสังขารก็ล่วงโรยไปตามๆกัน

        10 ปีต่อไปนี้เป็นของหมาแล้วละครับ หมามีหน้าที่อะไรล่ะ หมามีหน้าที่เฝ้าบ้าน และคอยเห่าคนเดินผ่านไปผ่านมา  มนุษย์ไปเอาชีวิตของหมามา ตอนนี้ก็มีหน้าที่คอยเฝ้าบ้านให้ลูกให้หลาน  และก็คอยทักทายเพื่อนบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา เหมือนใครบางคนเปี๊ยบเลย

         สมัยก่อนการสาธารณสุขไม่ค่อยดี พระเจ้าจึงให้ชีวิตไว้แค่ 70 ปี ถ้าพระเจ้ารู้ว่าสมัยนี้มีวิทยาการทางการแพทย์ดีๆ มนุษย์อยู่ได้เป็นร้อยปี คงจะให้ชีวิตของสัตว์อะไรมาอีกก็ไม่รู้  แต่ที่เห็นๆกันอยู่ คนที่เกิน 70 เขาทำอะไรกันบ้าง ท่านลองนึกดูซิ จะเหมือนสัตว์อะไรกันบ้าง(นี่ไม่ได้หยาบนะครับ พูดตามพระเจ้า) ใครทายว่าอย่างไรไม่ต้องมาบอกนะครับ เก็บไว้ในใจตัวเองก็แล้วกัน

          สำหรับผม ตอนนี้กำลังใช้ชีวิตของหมาอยู่ ตอนนี้ก็มีหน้าที่เฝ้าบ้าน  แต่ซอยบ้านผมไม่ค่อยมีคนเดิน เลยไม่รู้จะเห่าใคร ก็เลยต้องมาเห่าทางคอมพิวเตอร์นี่แหละ  และก็ไม่ได้คุย ตอนนี้หมาอย่างผมกำลังได้รับเชิญ(ภูมใจนิดๆ)ให้ไปช่วยกันเห่า เอ๊ยไม่ใช่ ให้ไปช่วยกันเขียนที่ "ข่าวลูกจ้าง" กันหน่อย ก็กำลังตัดสินใจอยู่ แต่ก็กลัวอยู่เหมือนกัน ไอ้เรามัน "หมาแก่" แต่ที่นั่นมัน...หนุ่มๆทั้งนั้นเลย กลัวจะเห่าสู้ไม่ได้

         ง่วงนอนแล้วครับ "หมาแก่" ขอไปนอนก่อนหละครับ

         สวัสดีครับ


**************

No Response to "ช่องทางสื่อสารของคนเกษีนณ (2)"

แสดงความคิดเห็น