หนทางสุดท้าย



หนทางสุดท้าย




ช่วงระยะเวลานี้ ข่าวใหญ่ที่นอกเหนือจากการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชน หรือ กปปส. กับการเคลื่อนไหวที่จะเข้าปราบปรามของ ศรส. ซึ่งมี ดร.เฉลิม อยู่บำรุงเป็นหัวหอก ธาริต เป็นกุนซือฝ่ายบุ๋น สำหรับฝ่ายบู๊ก็มีอยู่สามสหายที่เวที กปปส.กล่าวสดุดี (สดุเลว)อยู่แทบทุกวันแล้ว ก็น่าจะเป็นเรื่องของชาวนาที่เอาข้าวไปจำนำ (ขาย) ให้รัฐบาลแล้วไม่ได้เงินนี่แหละ

เรื่องข้าว เรื่องประขานิยม เรื่องการทุจริตโกงกินกันอย่างไร เราก็คงได้ยินได้ฟังกันจนทะลุปรุโปร่งกันพอสมควรแล้ว

แต่ที่เป็นเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้น ก็คือการที่มีชาวนาบางคนบางครอบครัวที่ยังไม่ได้รับเงินค่าข้าว แล้วได้รับความเดือดร้อน ไม่มีเงินทองจับจ่ายใช้สอยในการครองชีพประจำวัน ครอบครัวลูกเมียต้องอดอยาก ลูกหลานไม่ได้ไปโรงเรียน ต้องไปกู้เงินนอกระบบซึ่งมีดอกเบี้ยแสนแพง ต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้ครอบครัวอยู่ได้ ในที่สุดเมื่อไม่สามารถเผชิญกับปัญหาต่อไปได้ ทางออกสุดท้ายของหัวหน้าครอบครัว ก็คือตัดสินใจหนีทุกข์หนีปัญหาด้วยการปลิดชีวิตตนเองจากโลกนี้ไป ทิ้งให้ลูกเมียต้องรับกับปัญหาที่ยังคงอยู่ต่อไป และปัญหานี้ก็จะใหญ่ยิ่งขึ้นเมื่อหัวหน้าครอบครัวได้จากไป

ในสังคมทุกวันนี้ ปัญหาในการครองชีพ ปัญหาในการทำมาหากินเลี้ยงชีวิตตนเองและครอบครัว มิได้มีแต่เฉพาะอาชีพชาวนา แต่มีอยู่ทั่วๆไปในหมู่ประชาชนคนไทย



ไม่มีกิน ถึงกับต้องประกาศขายควาย (ข่าวจาก น.ส.พ.)


แต่ครั้งนี้มันไม่ธรรมดา เพราะมันเกิดขึ้นกับชาวนา ชาวนาที่เป็นผู้ปลูกข้าวแต่ไม่มีข้าวจะกิน ประเทศไทยที่เคยได้ชื่อว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" ชาวบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด แทบไม่ต้องมีตังค์เลยก็อยู่ได้ (สมัยก่อนเขาใช้เงินกันเป็นสตางค์ เขาจึงพูดกันติดปากว่า สตางค์ และก็พูดกันสั้นๆว่าตังค์) ตื่นเช้าขึ้นมาข้าวสารมีอยู่แล้ว ปลาในคลองหนองบึงใกล้บ้านจับเอา ผักหญ้าพริกมะละกอยอดกระถินเด็ดเอา ไข่อยู่ในเล้า หาเอาไม่ต้องไปตลาด ไปซูเปอร์มาร์เก็ต มาถึงวันนี้ชาวนาจะอดตาย มันจึงไม่ธรรมดา

บรรดาผู้อพยพมาจากเมืองจีน หนีความอดอยากยากจนมา อย่าว่าแต่เสื่อกับหมอนเลย เสื้อผ้าจะใส่ยังแทบไม่มี อาศัยเป็นจับกังแลกกับค่าโดยสารเรือ สมัยรุ่นต้นตระกูลทักษิณก็ด้วย เมื่อมาถึงแผ่นดินไทย เห็นความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ใบหญ้า แม่น้ำลำคลอง ถึงกับอุทานเป็นภาษาจีนแปลเป็นไทยได้ว่า "กูรอดตายแล้ว"

การฆ่าตัวตายครั้งนี้ นับถึงวันนี้ก็เป็นคนที่สิบแล้ว จึงเป็นเรื่องไม่ธรรมดา คนที่ตายส่วนใหญ่ก็เป็นผู้สูงอายุ ถ้ารับราชการก็อยู่ในวัยเกษียณเช่นพวกเรา ควรจะที่พักผ่อนได้แล้ว แต่เขาไม่ได้ทำงานราชการ รัฐวิสหกิจ หรือบริษัทห้างร้านที่มีการเกษียณอายุและก็รับเงินก้อนสุดท้ายไปเก็บไว้กินยามชรา  แต่อาชีพเขาคือชาวนาที่ไม่มีการเกษียณ ต้องทำไปจนกว่าจะทำไม่ไหวนั่นแหละ ที่เขาเรียกกันว่าทำจนตาย

นอกจากจะต้องเลี้ยงตัวเองแล้ว ลูกเต้าของคนเหล่านี้อาจไม่มีโอกาสได้เรียนสูงหรือโอกาสในการทำอาชีพที่ดีได้ก็ยังต้องพึ่งพ่อแม่อยู่ จะเห็นได้ว่าชาวนาชราบางคนนอกจากต้องเลี้ยงดูตัวเองแล้ว ยังมีลูก หลานที่จะต้องเลี้ยงดูอุ้มชูอีกด้วย  จึงเป็นภาระอันยิ่งใหญ่สำหรับคนชราๆคนหนึ่ง

การต่อสู้ดิ้นรนของคนชรานั้นหนทางมันแคบนักเมื่อเทียบกับคนหนุ่ม เมื่อคุณอยู่ในวัยชรา ร่างกายคุณจะอ่อนล้า ความคิดความอ่านสมองคุณจะช้า ความกระตือรือร้นอาจยังมีอยู่ แต่สภาพร่างกายไม่ร่วมมือด้วย ดังนั้นเมื่อคุณประสบปัญหาหนักๆในวัยชรา คุณจะท้อง่าย คุณจะเหนื่อยมาก มันจะเกิดความท้อแท้สิ้นหวัง  โดยเฉพาะผู้คนที่แวดล้อมคุณอยู่ในสังคม ความเชื่อมั่นในตัวคุณของสังคมจะลดน้อยถอยลงไป  ดังนั้นการที่ผู้ชราไปขอพึ่งพาขอความช่วยเหลือจากใครก็มักจะไม่ได้รับความร่วมมือช่วยเหลือเหมือนเมื่อยังหนุ่มแน่นอยู่ ซึ่งผู้อื่นก็หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือตอบแทนจากคุณได้ ซึ่งในวัยของคุณมันเหลือเวลาไม่มากนักที่จะชดใช้หรือตอบแทนบุญคุณใครได้

ผมจึงคิดว่าชาวนาผู้ประสบปัญหาขาดเงินหมุนเวียนในการยังชีพคราวนี้ที่เป็นผู้ขราเป็นผู้ที่ลำบากที่สุด เพราะโอกาสในการช่วยเหลือตนเองค่อนข้างจะตีบตันกว่าผู้อื่น เมื่อคิดไม่ตกจึงหาทางออกด้วยการอำลาชีวิตที่แสนทุกข์เข็ญนี้ไปเสีย คนที่จะต้องฟันฝ่าต่อไปก็คือลูกเมียของตนนั่นเอง

ในฐานะที่ผมก็เป็นคนชราคนหนึ่งซึ่งยังมีโอกาสดีกว่าคนชราในประเทศนี้อีกเป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะมีเพียงประคองชีวิตนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยให้นานที่สุดที่จะทำได้  ขอไว้อาลัยแด่ชาวนาที่สูญเสียชีวิตในสถานการณ์ครั้งนี้ด้วยความสลดหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง และขอให้ความตายของท่านจงดลบรรดาลให้ผู้ปกครองบ้านเมืองในอนาคตจงมีความจริงใจในการสร้างระบบระเบียบสวัสดิการต่างๆให้อาชีพชาวนาที่อยู่ในวัยเกษียณแล้วได้มีโอกาสพักผ่อนและได้รับความช่วยเหลือจากรัฐให้สมควรแก่อัตภาพด้วยเถิด  ขออย่าให้ "หนทางสุดท้าย" ของชาวนาเป็นไปเช่นครั้งนี้เลยครับ



ในขณะที่ชาวนาไทยกำลังฆ่าตัวตาย เพราะขายข้าวแล้วยังไม่ได้เงิน
ชาวนาในเวียตนามกำลังพัฒนาการปลูกข้าวขนานใหญ่
และเป็นแชมป์ขายข้าวแซงประเทศไทยไปแล้ว
(ภาพจาก facebook:   Thitichai Sabu   ขอขอบคุณเจ้าของภาพ)



ขอคารวะชาวนาไทยทุกท่าน
ขอให้ได้รับการขำระค่าข้าวโดยเร็วทุกท่าน


**********




No Response to "หนทางสุดท้าย"

แสดงความคิดเห็น